เมนู

อสัญญากถา


[838] สกวาที สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นสัญญภพ เป็นสัญญคติ เป็นสัญญสัตตาวาส
เป็นสัญญสงสาร เป็นสัญญโยนิ คือ กำเนิดแห่งสัตว์ผู้มีสัญญา เป็น
สัญญัตตภาวปฏิลาภ คือ การได้อัตภาพแห่งสัตว์ผู้มีสัญญา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[839] ส. เป็นอสัญญภพ เป็นอสัญญคติ เป็นอสัญญ-
สัตตาวาส เป็นอสัญญสงสาร เป็นอสัญญโยนิ เป็นอสัญญัตตภาวปฏิ-
ลาภ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นอสัญญภพ เป็นอสัญญคติ เป็น
อสัญญสัตตาวาส เป็นอสัญญสงสาร เป็นอสัญญโยนิ เป็นอสัญญัตต-
ภาวปฏิลาภ ก็ต้องไม่กล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย.
[840] ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นปัญจโวการภพ1 เป็นปัญจโวการคติ สัต-
ตาวาส สงสาร โยนิ อัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
1. ภพมีขันธ์ 5 ได้แก่กามภพ และรูปภพ.

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[841] ส. เป็นเอกโวการภพ1 เป็นเอกโวการคติ สัตตา-
วาส สงสาร โยนิ อัตตภาวปฏิลาภ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นเอกโวการภพ คติ สัตตาวาส
สงสาร โยนิ อัตตภาวปฏิลาภ ก็ต้องไม่กล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอสัญญ-
สัตว์ทั้งหลาย.
[842] ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทำกิจที่พึงทำด้วยสัญญาได้ด้วยสัญญานั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[843] ส. สัญญามีอยู่ในมนุษย์ทั้งหลาย และนั้นเป็น
สัญญภพ เป็นสัญญคติ เป็นสัญญสัตตาวาส เป็นสัญญสงสาร เป็น
สัญญโยนิ เป็นสัญญัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย และนั้นเป็น
สัญญภพ เป็นสัญญคติ เป็นสัญญสัตตาวาส เป็นสัญญสงสาร เป็น
สัญญโยนิ เป็นสัญญัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
1. ภพมีขันธ์ 1 คือมีแต่รูปขันธ์ ได้แก่ อสัญญภพ.

[844] ส. สัญญามีอยู่ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย และนั้นเป็น
ปัญจโวการภพ คติ สัตตาวาส สงสาร โยนิ
อัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย และนั้นเป็น
ปัญจโวการภพ คติ สัตตาวาส สงสาร โยนิ
อัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[845] ส. สัญญามีอยู่ในมนุษย์ทั้งหลาย ทำกิจที่พึงทำด้วย
สัญญาได้ด้วยสัญญานั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ทำกิจที่พึง
ทำด้วยสัญญาได้ด้วยสัญญานั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[846] ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย และนั้นเป็น
อสัญญภพ เป็นอสัญญคติ เป็นอสัญญสัตตาวาส เป็นอสัญญสงสาร
เป็นอสัญญโยนิ เป็นอสัญญัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัญญามีอยู่ในมนุษย์ทั้งหลาย และนั้นเป็น
อสัญญภพ ฯลฯ เป็นอสัญญัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[847] ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย และนั้น
เป็นเอกโวการภพ คติ สัตตาวาส สงสาร โยนิ
อัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัญญามีอยู่ในมนุษย์ทั้งหลาย และนั้นเป็นเอก-
โวการภพ ฯ ล ฯ อัตตภาวปฏิลาภ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[848] ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย แต่ทำกิจที่
พึงทำด้วยสัญญาไม่ได้ด้วยสัญญานั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัญญามีอยู่ในมนุษย์ทั้งหลาย แต่ทำกิจที่พึงทำ
ด้วยสัญญาไม่ได้ด้วยสัญญานั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[849] ป. ไม่พึงกล่าวว่า สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย
หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เทวดาชื่อสัญญสัตว์ มีอยู่ ก็เทวดาเหล่านั้น ย่อมจุติ

จากหมู่นั้น เพราะความเกิดขึ้นแห่งสัญญา ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง
มิใช่หรือ ?

ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น สัญญาก็มีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย
น่ะสิ.
[850] ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลาย หรือ ?
ป. มีในกาลบางคราว ไม่มีในกาลบางคราว.
ส. เป็นสัญญสัตว์ในกาลบางคราว เป็นอสัญญ-
สัตว์ในกาลบางคราว เป็นสัญญภพในกาลบางคราว เป็นอสัญญภพใน
กาลบางคราว เป็นปัญจโวการภพในกาลบางคราว เป็นเอกโวการภพ
ในกาลบางคราว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[851] ส. สัญญามีอยู่ในอสัญญสัตว์ทั้งหลายในกาลบาง
คราว ไม่มีในกาลบางคราว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มีอยู่ในกาลไหน ไม่มีในกาลไหน ?
ป. มีอยู่ในกาลจุติ ในกาลอุบัติ ไม่มีในกาลตั้งอยู่.
ส. เป็นสัญญสัตว์ในกาลจุติ ในกาลอุบัติ เป็น
อสัญญสัตว์ในกาลตั้งอยู่ เป็นสัญญภพในกาลจุติ ในกาลอุบัติ

เป็นอสัญญภพในกาลตั้งอยู่ เป็นปัญจโวการภพในกาลจุติ ในกาลอุบัติ
เป็นเอกโวการภพในกาลตั้งอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
อสัญญกถา จบ

อรรถกถาอสัญญกถา


ว่าด้วยอสัญญา คือไม่มีสัญญา


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องสัญญา1. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด มีความ
เห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอันธกะทั้งหลาย ในขณะนี้ว่า สัญญามีอยู่ใน
ขณะแห่งจุติ และปฏิสนธิแม้ของอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ว่า ขึ้นชื่อว่า
ปฏิสนธิ เว้นจากวิญญาณย่อมไม่มี
เพราะคำว่า วิญญาณมีสังขาร
เป็นปัจจัย
ดังนี้ และคำว่า ก็แล อสัญญีเทพเหล่านั้น ย่อมจุติ
จากกายนั้น เพราะความเกิดขึ้นแห่งสัญญา
ดังนี้ คำถามของ
สกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปราวาที. ต่อจากนั้น
1. เรื่องนี้ในคัมภีร์ยมกอธิบายว่า สัตว์ในปัญจโวการภพและจตุโวการภพ
ขณะปฏิสนธิมีสัญญาเกิดขึ้นในขณะจุติไม่มีสัญญาเพราะสัญญากำลังดับ ผู้เข้า
นิโรธสมาบัติในขณะนิโรธ สัญญาไม่มี ส่วนสัตว์ที่เป็นเอกโวการภพ คือ อสัญ-
ญีสัตว์ทั้งหลาย ขณะเกิดก็ดี ขณะตั้งอยู่ก็ดี ขณะจุติก็ดี ไม่มีสัญญาเกิดเลย.