เมนู

สังวรกถา


[828] สกวาที ความสำรวมมีอยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ความไม่สำรวมก็มีอยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[829] ส. ความไม่สำรวมไม่มีในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมก็ไม่มีในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[830] ส. ศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวม มิใช่
หรือ ความสำรวมมีอยู่ในหมู่ เทวดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวมใด ความ
ไม่สำรวมนั้น ก็มีอยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ท่านจงรับรู้นิคคหะ, หากว่า ศีล คือความสำรวม
จากความไม่สำรวม ความสำรวมมีอยู่ในหมู่เทวดา ด้วยเหตุนั้นนะ
ท่านจึงต้องกล่าวว่าศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวมใด ความไม่
สำรวมนั้นก็มีอยู่ในหมู่เทวดา, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้น พึงกล่าวได้
ว่า ศีล ความสำรวมจากความไม่สำรวม ความสำรวมมีอยู่ในหมู่-

เทวดา แต่ไม่พึงกล่าวว่า ศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวมใด
ความไม่สำรวมนั้นก็มีอยู่ในหมู่เทวดา ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า
ศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวมใด ความไม่สำรวมนั้นก็มีอยู่ใน
หมู่เทวดา ก็ต้องไม่กล่าวว่า ศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวม
ความสำรวมมีอยู่ในหมู่เทวดา, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้
ว่า ศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวม ความสำรวมมีอยู่ในหมู่
เทวดา แต่ไม่พึงกล่าวว่า ศีล คือความสำรวมจากความไม่สำรวมใด
ความไม่สำรวมนั้นก็มีอยู่ในหมู่เทวดา ดังนี้ ผิด.
[831] ส. ความสำรวมมีอยู่ในมนุษย์ ความไม่สำรวมก็มี
อยู่ในหมู่มนุษย์นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมมีอยู่ในหมู่เทวดา ความไม่สำรวมก็
มีอยู่ในหมู่เทวดานั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[832] ส. ความสำรวมมีอยู่ในหมู่เทวดา ความไม่สำรวม
ไม่มีอยู่ในหมู่เทวดานั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความสำรวมมีอยู่ในหมู่มนุษย์ ความไม่สำรวม
ไม่มีอยู่ในหมู่มนุษย์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[833] ส. การเว้นจากปาณาติบาต มีอยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปาณาติบาตก็มีอยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. การเว้นจากเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ
ดื่มน้ำเมา กล่าวคือสุราเมรัย มีอยู่ในหมู่เทวดา
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ ดื่มน้ำเมา
กล่าวคือสุราและเมรัย ก็อยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[834] ส. ปาณาติบาตไม่มีอยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การเว้นจาnปาณาติบาต ก็ไม่มีในหมู่เทวดา
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ ดื่มน้ำเมา
กล่าวคือสุราและเมรัย ไม่มีอยู่ในหมู่เทวดา
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การเว้นจากเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ

ดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราและเมรัย ก็ไม่มีในหมู่
เทวดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[835 ] ป. การเว้นจากปาณาติบาตมีอยู่ในหมู่มนุษย์ ปาณา-
ติบาตก็มีอยู่ในหมู่มนุษย์นั้น หรือ ?
ส. การเว้นจากปาณาติบาตมีอยู่ในหมู่เทวดา ปาณา-
ติบาตก็มีอยู่ในหมู่เทวดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. การเว้นจากเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ
ดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราเมรัย มีอยู่ในหมู่มนุษย์ เป็นเหตุที่ตั้งแห่งความ
ประมาท คือ ดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราและเมรัย ก็มีอยู่ในหมู่มนุษย์นั้น
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ก็เว้นจากเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ
ดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราและเมรัย มีอยู่ในหมู่เทวดา เหตุเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท คือดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราและเมรัย ก็มีอยู่ในหมู่เทวดา
นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[836] ส. การเว้นจากปาณาติบาตมีอยู่ในหมู่เทวดา ปาณา-
ติบาตไม่มีในหมู่เทวดานั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. การเว้นจากปาณาติบาตมีอยู่ในหมู่มนุษย์ ปาณา-
ติบาตไม่มีในหมู่มนุษย์นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. การเว้นจากเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ
ดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราและเมรัย มีอยู่ในหมู่เทวดา เหตุเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาท คือ ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยไม่มีอยู่ในหมู่เทวดานั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การเว้นจากเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ
ดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราและเมรัย มีอยู่ในหมู่มนุษย์ เหตุเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาท คือ ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย ไม่มีในหมู่มนุษย์นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[837] ป. ความสำรวมไม่มีในหมู่เทวดา หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. เทวดาทั้งปวง เป็นผู้ผลาญชีวิต เป็นผู้ถือเอาสิ่ง
ของที่เจ้าของมิได้ให้ เป็นผู้ประพฤติผิดในกาม เป็นผู้พูดเท็จ เป็นผู้
ตั้งอยู่ในความประมาท คือ ดื่มน้ำเมากล่าวคือสุราและเมรัย หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ความสำรวมก็มีอยู่ในหมู่เทวดา น่ะสิ.
สังวรกถา จบ

อรรถกถาสังวรกถา


ว่าด้วยความสำรวม


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องความสำรวม. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความ
เห็นว่า เทวดาทั้งหลายเบื้องบนตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป ย่อมไม่ประพฤติ
ล่วงเวร 5 คือไม่ล่วงศีล 5 เหตุในเพราะเหตุนั้น ความสำรวมจึงมีอยู่
แก่เทพเหล่านั้น ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาที เพราะไม่เห็นความปรากฏแห่งเวร 5. ลำดับนั้น
สกวาทีจึงถามความไม่สำรวม เพราะธรรมดาว่าความสำรวมมีอยู่ ความ
ไม่สำรวมที่บุคคลพึงสำรวมก็ต้องมีอยู่. แต่ปรวาทีตอบปฏิเสธ เพราะ
ในเทวดาทั้งหลายไม่มีปาณาติบาต เป็นต้น. คำว่า ความสำรวมมีอยู่
ในหมู่มนุษย์
เป็นต้น สกวาทีกล่าว เพื่อแสดงความเป็นไปแห่งความ
ไม่สำรวม ก็ครั้นเมื่อความสำรวมและความเป็นไปแห่งความสำรวม มีอยู่
ความไม่สำรวมก็ต้องมีอยู่. ในปัญหาว่า ปาณาติปาตา เวรมณี เป็น
ต้น พึงทราบคำตอบรับรองด้วยสามารถแห่งการไม่ประพฤติปาณาติบาต
เป็นต้น และพึงทราบคำตอบปฏิเสธ เพราะความไม่มีปาณาติบาต เป็น
ต้น. ปัญหาว่าด้วยปฏิโลม มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น. ในปัญหาว่า ปาณา-
ติบาตไม่มีในหมู่เทวดาหรือ
พึงทราบคำตอบรับรองของปรวาที
ด้วยสามารถแห่งการไม่ประพฤติปาณาติบาตเป็นต้น และคำปฏิเสธของ
ปรวาที เพราะความไม่มีปาณาติบาตเป็นต้น. ปัญหาว่าด้วยปฏิโลมมี
เนื้อความง่ายทั้งนั้น.