เมนู

ส. หากว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสโสตว่ามี 2
อย่าง คือ มังสโสต และทิพยโสต ก็ต้องไม่กล่าวว่า โสตมีอย่างเดียว
เท่านั้น.
ทิพพโสตกถา จบ

อรรถกถาทิพพโสตกถา


ว่าด้วยทิพพโสต1


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องทิพพโสต. ในเรื่องนั้น ปรวาทีถูกสกวาที
ถามว่า โสตมีอย่างเดียวเท่านั้นหรือ ก็ตอบปฏิเสธ เพราะโสต
มีอยู่ 2 คือ มังสโสต ทิพยโสต ถูกถามอีก ก็ตอบรับรอง เพราะว่า
มังสโสตนั้นนั่นแหละ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว ชื่อว่าเป็นทิพพโสต.
คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล.
อรรถกถาทิพพโสตกถา จบ
1. โสต 2 อย่าง คือ 1. มังสโสต ได้แก่ โสตปสาท
2. ทิพพโสต ได้แก่ อภิญญาญาณ
ในคัมภีร์ยมกกล่าว โสต 3 คือ 1. มังสโสต ได้แก่ โสตปสาท
2. ทิพยโสต ได้แก่ อภิญญาจิตตุปสาท
3. ตัณหาโสต ได้แก่ โลกเจตสิก

ยถากัมมูปคตญาณกถา


[820] สกวาที ยถากัมมูปคตญาณ คือ ญาณเป็นเครื่องรู้
ความที่สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม เป็นทิพยจักษุ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ทำไว้ในใจซึ่งความที่สัตว์เป็นไปตามกรรมด้วย
เห็นรูปได้ด้วยทิพยจักษุด้วย หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[821] ส. ทำไว้ในใจซึ่งความที่สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตาม
กรรมด้วย เห็นรูปด้วยทิพยจักษุด้วย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นการประชุมแห่งผัสสะ 2 อย่าง แห่งจิต
2 ดวง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่างอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[822] ส. ยถากัมมูปคตญาน เป็นทิพยจักษุ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทำไว้ในใจซึ่งบทว่า สัตว์เหล่านี้หนอ ท่าน
ทั้งหลาย ดังนี้ด้วย ทำไว้ในใจซึ่งบทว่า เป็นผู้ประกอบด้วยกาย
ทุจริต ดังนี้ด้วย ทำไว้ในใจซึ่งบทว่า เป็นผู้ประกอบด้วยวจีทุจริต
ดังนี้ด้วย ทำไว้ในใจซึ่งบทว่า เป็นผู้ประโยคกอบด้วยมโนทุจริต ดังนี้
ด้วย ทำไว้ในใจซึ่งบทว่า เป็นผู้ติเตียนพระอริยะทั้งหลาย ดังนี้ด้วย