เมนู

ปรวิตารณากถา


[547] สกวาที การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์
ยังมีอยู่ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์อันผู้อื่นพึงนำไปได้ อันผู้อื่นพึงจูง
ไปได้ อาศัยผู้อื่น เกาะผู้อื่น ไม่รู้ ไม่เห็น
หลง ไม่รู้ตัว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[548] ส. พระอรหันต์อันผู้อื่นไม่พึงนำไปได้ อันผู้อื่นไม่
พึงจูงไปได้ ไม่อาศัยผู้อื่น ไม่เกาะผู้อื่น รู้
เห็น ไม่หลง รู้ตัวอยู่ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า พระอรหันต์อันผู้อื่นไม่พึงนำไปได้ อัน
ผู้อื่นไม่พึงจูงไปได้ ไม่อาศัยผู้อื่น ไม่เกาะผู้อื่น รู้ เห็น ไม่หลง รู้
ตัวอยู่ ก็ต้องไม่กล่าวว่า การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยัง
มีอยู่
[549] ส. การแนะนำของผู้อื่นสำหรับปุถุชนมีอยู่ และเขา
ผู้อื่นพึงนำไปได้ อันผู้อื่นพึงจูงไปได้ อาศัยผู้อื่น เกาะผู้อื่น ไม่รู้ ไม่
เห็น หลง ไม่รู้ตัว หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. การแนะนำของผู้อื่นสำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่
และท่านอันผู้อื่นพึงนำไปได้ อันผู้อื่นพึงไปได้ อาศัยผู้อื่น เกาะผู้อื่น
ไม่รู้ ไม่เห็น หลง ไม่รู้ตัว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[550] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมี
อยู่ แต่ท่านอันผู้อื่นไม่พึงนำไปได้ อันผู้อื่นไม่พึงจูงไปได้ ไม่อาศัยผู้
อื่น ไม่เกาะผู้อื่น รู้ เห็น ไม่หลง รู้ตัวอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การแนะนำของผู้อื่นสำหรับผู้อื่นสำหรับปุถุชนมี
อยู่ แต่เขาอันผู้อื่นไม่พึงนำไปได้ อันผู้อื่นไม่พึงจูงไปได้ ไม่อาศัยผู้อื่น
ไม่เกาะผู้อื่น รู้ เห็น ไม่หลง รู้ตัวอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[551] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมี
อยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การแนะนำของผู้อื่นในพระศาสดา ในพระ-
ธรรม ในพระสงฆ์ ในการศึกษา ในส่วนอนาคต ในส่วนอดีต
ทั้งในส่วนอนาคตและส่วนอดีต ในปฏิจจสมุปปาทธรรมว่า เพราะ
ธรรมนี้เป็นปัจจัยธรรมนี้จึงเกิดขึ้น สำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[552] ส. การแนะนำของผู้อื่นในพระศาสดา ในพระ-
ธรรม ในพระสงฆ์ ฯลฯ ในปฏิจจสมุปปาทธรรมว่า เพราะธรรมนี้
เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงเกิดขึ้น ไม่มีแก่พระอรหันต์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า การแนะนำของผู้อื่นในพระศาสดา ใน
พระธรรม ฯ ล ฯ ในปฏิจจสมุปปาทธรรมว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย
ธรรมนี้จึงเกิดขึ้น ไม่มีแก่พระอรหันต์ ก็ต้องไม่กล่าวว่า การแนะนำ
ของผู้อื่นสำหรับพระอรหันต์ ยังมีอยู่.
[553] ส. การแนะนำผู้อื่น สำหรับปุถุชนมีอยู่ และการ
แนะนำของผู้อื่นในพระศาสดา ในพระธรรม ฯ ล ฯ ในปฏิจจสมุปปาท-
ธรรมว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงเกิดขึ้น สำหรับปุถุชน
นั้นก็มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมี
อยู่ และการแนะนำของผู้อื่นในพระศาสดา ในพระธรรม ฯลฯ ใน-
ปฏิจจสมุปปาทธรรมว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงเกิดขึ้น
สำหรับพระอรหันต์นั้น ก็ยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[554] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมี
อยู่ แต่การแนะนำของผู้อื่นในพระศาสดา ในพระธรรม ฯ ล ฯ ใน

ปฏิจจสมุปปาทธรรมว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงเกิดขึ้น ไม่
มีแก่ท่าน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การแนะนำของผู้อื่นสำหรับปุถุชนมีอยู่ แต่การ
แนะนำของผู้อื่นในพระศาสดา ในพระธรรม ฯลฯ ในปฏิจจสมุปปาท-
ธรรมว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงเกิดขึ้น ไม่มีแก่เขา
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[555] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมี
อยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ราคะอันพระอรหันต์ละขาดแล้ว ถอนรากขึ้น
แล้ว ทำให้เป็นดุจตาลยอดด้วน ทำให้ไม่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง ทำให้
มีอันไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ราคะอันพระอรหันต์ละขาดแล้ว ถอน
รากขึ้นแล้ว ทำให้เป็นดุจตาลยอดด้วน ทำให้เกิดขึ้นได้ในภายหลัง
ทำให้มีอันไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า การ
แนะนำของผู้อื่นสำหรับพระอรหันต์มีอยู่ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ
ฯ ล ฯ อโนตตัปปะ อันพระอรหันต์ละขาดแล้ว ฯ ล ฯ มิใช่หรือ ?

[556] ส. พระอรหันต์ยังมรรคให้เกิดแล้ว ฯ ล ฯ ยังโพช-
ฌงค์ให้เกิดแล้ว ฯ ล ฯ เพื่อละขาดซึ่งราคะ ยังมรรคให้เกิดแล้ว ฯ ล ฯ
ยังโพชฌงค์ให้เกิดแล้ว เพื่อละขาดซึ่งโทสะ ฯลฯ เพื่อละขาดซึ่งอโนต-
ตัปปะ มิใช่หรือ ?
[557] ส. พระอรหันต์ เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ
แล้ว ฯ ล ฯ ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า พระอรหันต์เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ
โมหะแล้ว ฯ ล ฯ ทำให้แจ้งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้ว ก็ต้องไม่กล่าว
ว่า การแนะนำของผู้อื่นสำหรับพระอรหันต์ ยังมีอยู่.

[558] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมี
อยู่ หรือ ?
ป. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ผู้ฉลาด
ในธรรมของตนยังมีอยู่ แต่การแนะนำของผู้อื่นไม่มีแก่พระอรหันต์ผู้
ฉลาดในธรรมอื่น.
ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ผู้ฉลาด
ในธรรมของตนยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ผู้ฉลาด
ในธรรมอื่นยังมีอยู่ หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[559] ส. การแนะนำของผู้อื่น ไม่มีแก่พระอรหันต์ผู้
ฉลาดในธรรมอื่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การแนะนำของผู้อื่น ไม่มีแก่พระอรหันต์ผู้
ฉลาดในธรรมของตน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[560] ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน ละขาด
ราคะแล้ว แต่การแนะนำของผู้อื่นสำหรับท่าน
ยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น ละขาดราคะ
แล้ว แต่การแนะนำของผู้อื่น สำหรับท่านยัง
มีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[561] ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน ละขาด
โทสะแล้ว ฯ ล ฯ ละขาดโมหะแล้ว ฯ ล ฯ ละ
ขาดอโนตตัปปะแล้ว ฯ ล ฯ
[562] ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน ยังมรรคให้
เกิดแล้ว ฯ ล ฯ ยังโพชฌงค์ให้เกิดแล้ว เพื่อละขาดซึ่งราคะ ฯลฯ ยัง

มรรคให้เกิดแล้ว ฯ ล ฯ ยังโพชฌงค์ให้เกิดแล้ว เพื่อละขาดซึ่งโทสะ
ฯ ล ฯ เพื่อละขาดซึ่งอโนตตัปปะ ฯ ล ฯ
[563] ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน เป็นผู้
ปราศจากราคะ โทสะ โมหะแล้ว ฯ ล ฯ ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำ
ให้แจ้งแล้ว แต่การแนะนำของผู้อื่น สำหรับท่านยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น เป็นผู้ปราศจาก
ราคะ โทสะ โมหะแล้ว ฯ ล ฯ ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้ว
แต่การแนะนำของผู้อื่นสำหรับท่านยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[564] ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น ละขาดราคะ
แล้ว และการแนะนำของผู้อื่น ก็ไม่มีแก่ท่าน
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน ละขาด
ราคะแล้ว และการแนะนำของผู้อื่นก็ไม่มีแก่
ท่าน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น ละขาดโทสะ
แล้ว ฯ ล ฯ ละขาดโมหะแล้ว ฯ ล ฯ ละขาดอโนตตัปปะแล้ว ฯ ล ฯ

[565] ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น ยังมรรคให้เกิด
แล้ว ฯ ล ฯ ยังโพชฌงค์ให้เกิดแล้ว ฯ ล ฯ เพื่อละชาดซึ่งราคะ ฯ ล ฯ
ยังมรรคให้เกิดแล้ว ฯ ล ฯ ยังโพชฌงค์ให้เกิดแล้ว เพื่อละขาดซึ่งโทสะ
ฯ ล ฯ เพื่อละขาดซึ่งอโนตตัปปะ ฯ ล ฯ
[566] ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น เป็นผู้ปราศจาก
ราคะ โทสะ โมหะแล้ว ฯ ล ฯ ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้ว
และการแนะนำของผู้อื่นก็ไม่มีแก่ท่าน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน เป็นผู้
ปราศจากราคะ โทสะ โมหะแล้ว ฯ ล ฯ ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้
แจ้งแล้ว และการแนะนำของผู้อื่นก็ไม่มีแก่ท่าน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[567] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมี
อยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นอาสวะสำหรับผู้ที่รู้อยู่เห็นอยู่ ไม่ได้
กล่าวสำหรับผู้ที่ไม่รู้อยู่ไม่เห็นอยู่ ก็บุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่
อย่างไร ความสิ้นอาสนะจึงมีได้ บุคคลรู้อยู่ เห็นอยู่ว่า อย่างนี้
รูป ฯ ล ฯ อย่างนี้ ความดับแห่งวิญญาณ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

บุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล ความสิ้นอาสวะจึงมีได้
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า การแนะนำของ
ผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ ยังมีอยู่.
[568] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นอาสวะสำหรับผู้ที่รู้อยู่เห็นอยู่ ไม่ได้
กล่าวสำหรับผู้ที่ไม่รู้อยู่ไม่เห็นอยู่ ก็บุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่
อย่างไร ความสิ้นอาสวะจึงมีได้ บุคคลรู้เห็นอยู่ว่า นี้ทุกข์ ฯ ล ฯ
นี้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ฯ ล ฯ นี้ธรรมเป็นที่ดับแห่งทุกข์ ฯ ล ฯ นี้
ทางให้ถึงธรรมเป็นที่ดับแห่งทุกข์ ดังนี้ ความสิ้นอาสวะจึงมีได้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล ความ
สิ้นอาสวะจึงมีได้
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า การแนะนำของ
ผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ ยังมีอยู่.
1. ขุ. อิติ. 25/293.

[569] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บุคคลเมื่อไม่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ไม่กำหนดรู้ ไม่สำ-
รอก ไม่ละ ซึ่งสิ่งทั้งปวง ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อความสิ้นทุกข์
ต่อเมื่อรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งกำหนดรู้ สำรอก ละซึ่งสิ่งทั้งปวง จึง
เป็นผู้ควรเพื่อความสิ้นทุกข์
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า การแนะนำของ
ผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ ยังมีอยู่.
[570] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า พร้อมกับการ
บรรลุโสดาปัตติมรรคของท่าน ฯลฯ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะทำความ
ผิดสถานหนัก 6 ประการ
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
1. ขุ. อิติ. 25/293.

ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า การแนะนำของ
ผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ ยังมีอยู่.
[571] ส. การนำของผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ในสมัยใด ดวงตาเห็นธรรมอันปราศจากผงฝ้าเกิดขึ้น
แก่อริยสาวกกว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น
ทั้งหมด มีความดับไปเป็นธรรมดา ดังนี้ ในสมัยนั้น พร้อมกับ
ความเกิดขึ้นแห่งทัศนะ อริยสาวกก็ละสัญโญชน์ได้ 3 ประการ
คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส
ดังนี้ เป็นสูตรมี
อยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า การแนะนำของ
ผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ ยังมีอยู่.
[572] ส. การแนะนำของผู้อื่น สำหรับ พระอรหันต์ยังมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนโธตกะ
เราจักไม่อุตสาหะเพื่อจะเปลื้องใคร ๆ ที่มีความสงสัยในโลก แต่

ท่านเมื่อรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งซึ่งธรรมอันประเสริฐ ก็ข้ามโอฆะนี้โดย
อาการอย่างนี้
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า การแนะนำของ
ผู้อื่น สำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่.
[573] ป. ไม่พึงกล่าวว่า การแนะนำของผู้อื่นสำหรับพระ-
อรหันต์ยังมีอยู่ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ผู้อื่นพึงแนะนำ นามและโคตรของสตรีและบุรุษ
พึงแนะนำทางและมิใช่ทาง พึงแนะนำชื่อของหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้า-
ป่า แก่พระอรหันต์ มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า ผู้อื่นพึงแนะนำนามและโคตรของสตรี
และบุรุษ พึงแนะนำทางและมิใช่ทาง พึงแนะนำชื่อของหญ้า ไม้ และ
ต้นไม้เจ้าป่า แก่พระอรหันต์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า การ
แนะนำของผู้อื่นสำหรับพระอรหันต์ยังมีอยู่.
[574] ส. เพราะผู้อื่นพึงแนะนำ นามและโคตรของสตรี
และบุรุษ พึงแนะนำทางและมิใช่ทาง พึงแนะนำชื่อของหญ้า ไม้
1. ขุ. สุ. 25/ 429.

และต้นไม้เจ้าป่า แก่พระอรหันต์ ฉะนั้น การแนะนำของผู้อื่นสำหรับ
พระอรหันต์จึงยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้อื่นพึงแนะนำโสดาปัตติผล หรือสกทาคามิผล
อนาคามิผล หรืออรหัตผล แก่พระอรหันต์
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ปรวิตารณากถา จบ

อรรถกถาอัญญาณ กังขา ปรวิตรณกถา


ว่าด้วยความไม่รู้ ความสงสัย และการแนะนำของผู้อื่น


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องทั้ง 3 คือ เรื่องความไม่รู้ ความสงสัย และ
การแนะนำของผู้อื่น. ในเรื่องเหล่านั้น ชนเหล่าใดมีลัทธิ คือมีความ
เห็นผิด ดุจลัทธิของนิกาย ปุพพเสลิยะทั้งหลายในขณะนี้ว่า อัญ-
ญาณ คือความไม่รู้ของพระอรหันต์มีอยู่ เพราะไม่มีญาณเกิดขึ้นในชื่อ
และโคตรเป็นต้น แห่งชนทั้งหลายมีหญิงชาวเป็นต้นด้วย, กังขา คือ
ความสงสัยของพระอรหันต์มีอยู่ เพราะความไม่มีสันนิษฐาน คือการ
ตกลงใจ ในเรื่องนั้นนั่นแหละด้วย อนึ่ง ชนเหล่าอื่นย่อมแนะนำ ย่อม
ประกาศ ย่อมบอกเรื่องทั้งหลายแก่พระอรหันต์เหล่านั้น เพราะเหตุนั้น
การแนะนำแก่พระอรหันต์เหล่านั้นจึงมีอยู่ ดังนี้ คำถามในเรื่องแม้