เมนู

เข้าไปแห่งผู้อื่น แก่พระอรหันต์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้อื่นพึงนำเข้าไป ซึ่งโสดาปัตติผล หรือสกทา-
คามิผล หรืออนาคามิผล หรืออรหัตผล แก่พระอรหันต์ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ปรูปหารกถา จบ

อรรกถาปรูปหารกถา


ว่าด้วยผู้อื่นนำมาให้


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องผู้อื่นนำมาให้. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดย่อม
สำคัญว่า เทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารน้อมนำน้าสุกกะ คือน้ำอสุจิเข้า
ไปแก่พระอรหันต์ได้ เพราะเห็นการสละน้ำสุกกะ คืออสุจิของชน
ทั้งหลายผู้ปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์ ผู้หลอกลวง ผู้เย่อหยิ่ง ผู้
สำคัญในธรรมอันตนไม่บรรลุว่าบรรลุแล้ว หรือผู้ปฏิบัติอยู่เพื่อความ
เป็นพระอรหันต์ ดุจนิกายปุพพเสลิยะ และอปรเสลิยะทั้งหลายใน
ขณะนี้ สกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้นจึงถามปรวาทีว่า การปล่อยสุกกะ
คืออสุจิของพระอรหันต์มีอยู่หรือ
คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
บัดนี้ ชื่อว่าการปล่อยน้ำสุกกะ ย่อมมีเพราะราคะเป็นสมุฏฐาน
เหตุใด เพราะเหตุนั้น สกวาทีจึงเริ่มซักถามว่า ราคะของพระ
อรหันต์มีอยู่หรือ
เนื้อความนั้นแม้ทั้งปวงมีอรรถตื้นทั้งนั้น.

ในปัญหาว่า เทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำเข้าไปซึ่งการ
ปล่อยสุกกะคืออสุจิแก่ตนได้
เป็นต้น ความว่า ขึ้นชื่อว่าการ
ปล่อยน้ำสุกกะของเทวดาเหล่านั้นย่อมไม่มี ทั้งเทวดาเหล่านั้นถือเอา
น้ำสุกกะของชนแม้เหล่าอื่นแล้วน้อมนำเข้าไปก็ไม่มี ทั้งน้ำสุกกะของ
พระอรหันต์นั้นแหละก็ไม่มี เหตุใด เพราะเหตุนั้น ปรวาทีจึงปฏิเสธ
ว่า ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ในปัญหาว่า เทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำเข้าไปซึ่งการ
ปล่อยสุกกะคืออสุจิแต่ตนก็ไม่มี
ความว่า ปรวาทีนั้นย่อมตอบ
รับรองเพราะลัทธิว่า ก็เทวดานิรมิตแล้วก็นำเข้าไป ในปัญหาว่า
นำเข้าไปทางขุมขนหรือ ปรวาทีปฏิเสธ เพราะเห็นว่าไม่มีการ
นำเข้าไปตามรูขนทั้งหลาย เหมือนการนำเนยใสและน้ำมันทั้งหลาย ฯ
คำว่า "หนฺท หิ" เป็นนิบาตลงในอรรถที่เป็นไปด้วยอำนาจพิเศษ.
อธิบายว่า พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารคิดว่า เราจักถือเอาความ
สงสัยอย่างนี้ว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ หรือมิใช่พระอรหันต์หนอ
แล้วนำเข้าไปทำให้เป็นไปในอำนาจพิเศษอย่างนี้. ถูกสกวาทีถามว่า
ความสงสัยของพระอรหันต์ยังมีอยู่หรือ ? ปรวาที หมายเอาความ
สงสัยมีวัตถุ 8 ประการ จึงตอบปฏิเสธ. ถูกถามครั้งที่ 2 ก็ตอบรับรอง
เพราะหมายเอาไม่มีการตกลงใจคือไม่รู้ในนามและโคตรเป็นต้นแห่ง-
หญิงและชายเป็นต้น.
คำว่า ความประสงค์ของท่านยังมีอยู่หรือ ความว่า
สกวาทีย่อมถามว่า โอกาสอันเป็นที่ตั้งอยู่แห่งน้ำสุกกะนั้นมีอยู่ ราวกะ

โอกาสเป็นที่ตั้งอยู่แห่งอุจจาระ ปัสสาวะ หรือ ?
คำว่า ผู้ฉลาดในธรรมของตน ได้แก่ ผู้ฉลาดในสักว่า
ธรรมอันเป็นพระอรหันต์ของตนเท่านั้น ข้อนี้ท่านหมายเอาพระอรหันต์
ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญาจึงกล่าวเช่นนั้น. คำว่า ผู้ฉลาดในธรรมอื่น
ได้แก่ ผู้ฉลาดแม้ในธรรมอันเป็นสมาบัติ 8 อื่นนอกจากพระสัทธรรม
ข้อนี้ ท่านหมายเอาพระอรหันต์ผู้อุภโตภาควิมุติจึงกล่าวอย่างนั้น. คำที่
เหลือในที่นี้ บัณฑิตพึงทราบโดยทำนองที่กล่าวแล้วในพระบาลีนั่นแหละ
ดังนี้แล.
อรรถกถาปรูปหารกถา จบ

อัญญาณกถา


[490] สกวาที ความไม่รู้ของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ป. อวิชชา โอฆะคืออวิชชา โยคะคืออวิชชา อนุสัย
คืออวิชชา ปริยุฏฐานคืออวิชชา สัญโญชน์คืออวิชชา นิวรณ์คืออวิชชา
ของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[491] ส. อวิชชา โอฆะคืออวิชชา โยคะคืออวิชชา อนุสัย
คืออวิชชา ปริยุฏฐานคืออวิชชา สัญโญชน์คืออวิชชา นิวรณ์คืออวิชชา
ไม่มีแก่พระอรหันต์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อวิชชา โอฆะคืออวิชชา โยคะคือ
อวิชชา อนุสัยคืออวิชชา ปริยุฏฐานคือวิชชา สัญโญชน์คืออวิชชา
นิวรณ์คืออวิชชา ไม่มีแก่พระอรหันต์ ก็ต้องไม่กล่าวว่า ความไม่รู้ของ
พระอรหันต์มีอยู่.
[492] ส. ความไม่รู้ของปุถุชนมีอยู่ และอวิชชา โอฆะ
คืออวิชชา โยคะคืออวิชชา อนุสัยคืออวิชชา ปริยุฏฐานคืออวิชชา
สัญโญชน์คืออวิชชา นิวรณ์คืออวิชชา ของเขาก็มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความไม่รู้ของพระอรหันต์มีอยู่ และอวิชชา