เมนู

ขึ้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ชื่อว่าปัจจุบัน เพราะทำอธิบายไว้ว่า จักบังเกิด
ขึ้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมที่เป็นปัจจุบัน ชื่อว่าไม่มีอยู่ เพราะทำ
อธิบายว่า จักดับไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
เอกัจจมัตถีติกถา จบ

อรรถกถาเอกัจจมัตถีติกถา


ว่าด้วยบางอย่างมีอยู่


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องบางอย่างมีอยู่. ในปัญหาเหล่านั้น ชนเหล่า
ใด ย่อมสำคัญว่าอดีตธรรมบางอย่างมีอยู่ ดุจนิกายกัสสปิกะทั้งหลาย
เพื่อทำลายลัทธิแห่งชนเหล่านั้น สกวาทีจึงถามว่า "อดีตมีอยู่หรือ"
คำวิสัชชนาว่า "อดีตบางอย่างมีอยู่" เป็นต้น เป็นของปรวาที.
พึงทราบความหมายแห่งคำวิสัชชนาของปรวาทีนั้นว่า วิปากธรรมอันยัง
ไม่ให้ผลมีอยู่ วิปากธรรมที่ให้ผลแล้วไม่มีอยู่. คำซักถามว่า "อดีต
บางอย่างดับไปแล้ว"
เป็นของสกวาที.

อธิบายเนื้อความแห่งปัญหานั้นว่า ถ้าว่า อดีตธรรมบางอย่างมี
บางอย่างไม่มีตามลัทธิของท่านไซร้ ครั้นเมื่อความเป็นเช่นนั้นมีอยู่
อดีตธรรมบางอย่างที่ดับไป และอดีตธรรมบางอย่างที่ยังไม่ดับไป ก็จะ
ปรากฏว่าตั้งอยู่เหมือนกัน. แม้ในคำทั้งหลาย คำว่า " บางอย่าง
ปราศจากไปแล้ว "
ก็นัยนี้เหมือนกัน. คำนี้ว่า "ธรรมอันยังไม่
ให้ผลที่เป็นอดีตบางอย่าง"
ท่านสกวาทีกล่าวเพื่อจะท้วงว่า ท่านย่อม
ต้องการความมีอยู่แห่งวิปากที่ยังไม่ให้ผลทั้งหลาย แต่ธรรมแม้เหล่านั้น
ก็เป็นอดีตธรรมทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นตามลัทธิของท่าน อดีตธรรมบาง
อย่างมีอยู่ ฉันใด ธรรมทั้งหลายแม้เป็นวิบากที่ยังไม่ให้ผลบางอย่างมีอยู่
บางอย่างไม่มีอยู่ ฉันนั้น หรือ. คำว่า "ธรรมอันให้ผลแล้ว" นี้
ท่านกล่าวเพื่อจะท้วงด้วยสามารถแห่งวิบากธรรมที่ปรวาทีนั้น ปรารถนา
ความไม่มีอยู่แห่งธรรมเหล่านั้น คำว่า " ไม่มีวิบาก " นี้ ท่านกล่าว
เพื่อจะท้วงด้วยสามารถแห่งความเป็นอัพยากตะทั้งหลาย. คำรับรองด้วย
คำปฏิเสธด้วย ในอนุโลมและปฏิโลมทั้งปวง บัณฑิตพึงทราบด้วย
สามารถแห่งราศีทั้ง 3 เหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้.
ธรรมคือวิบากอันให้ผลแล้วส่วนหนึ่ง ยังไม่ให้ผลสวนหนึ่งที่
เป็นอดีต ธรรมเหล่านั้น ท่านเรียกว่า วิบากที่ให้ผลยังไม่หมด. จริง
อยู่ ปฏิสนธิ เกิดแล้วด้วยธรรมใด ภวังคจิตก็ดี จุติจิตก็ดี ก็เป็น
วิบากของกรรมนั้นนั่นแหละ. เพราะฉะนั้นวิบากนั้นตั้งแต่ปฏิสนธิจน
ถึงจุติ จึงชื่อว่าเป็นวิบากที่ยังให้ผลไม่หมด. ข้อนี้ ท่านกล่าวหมายเอา

ธรรมเช่นนั้น. คำถามว่า " ธรรมเหล่านั้นชื่อว่า มีอยู่ เพราะทำ
อธิบายว่า ยังจักให้ผลหรือ ? "
เป็นของสกวาที. ธรรมทั้งหลายที่เป็น
ไปโดยมาก ท่านย่อมกล่าวว่า มีอยู่ แม้แก่บุคคลผู้ทรงธรรม แม้แก่
ผู้หลับ ฉันใด คำรับรองของปรวาที หมายเอาความมีอยู่แห่งธรรม
เหล่านั้น ด้วยสามารถแห่งโวหารของชาวโลก ฉันนั้น. ในปัญหาที่ 2
"ชื่อว่า ปัจจุบัน เพราะทำอธิบายว่า ยังจักให้ผลหรือ ?" คำรับ-
รองเป็นของปรวาที เพราะตั้งอยู่ในลัทธิว่า ชื่อว่า กรรมปัจจัยอันหนึ่ง
อันบัณฑิตนับพร้อมแล้วว่าความไม่พินาศไปมีอยู่แก่กรรมทั้งหลาย. แม้
ในคำเป็นต้นว่า " อนาคตมีอยู่หรือ " สกวาทีกล่าวหมายเอาธรรม
ทั้งหลายอันจักบังเกิดขึ้นว่า บางอย่างมีอยู่. คำที่เหลือในที่ทั้งปวง มี
เนื้อความตื้นทั้งนั้น เพราะมีนัยอันกล่าวแล้วในหนหลังแล.
อรรถกถาเอกัจจมัตถีติกถา จบ

สติปัฏฐานกถา


[426] สกวาที ธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐาน หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ธรรมทั้งปวงเป็นสติ เป็นสตินทรีย์ เป็นสติพละ
เป็นสัมมาสติ เป็นสตสัมโพชฌงค์ เป็นเอกายนมรรค เป็นเหตุให้ถึง
ความสิ้นไป เป็นเหตุให้ถึงความตรัสรู้ เป็นเหตุให้ถึงนิพพาน ไม่เป็น
อารมณ์ของอาสวะ ไม่เป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ ไม่เป็นอารมณ์ของ
คันถะ ไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะ ไม่เป็นอารมณ์ของโยคะ ไม่เป็น
อารมณ์ของนิวรณ์ ไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสะ ไม่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทาน ไม่เป็นอารมณ์ของสังกิเลส ธรรมทั้งปวงเป็นพุทธานุสสติ
เป็นธรรมานุสสติ เป็นสังฆานุสสติ เป็นสีลานุสสติ เป็นจาคานุสสติ
เป็นเทวตานุสสติ เป็นอานาปานสติ เป็นมรณานุสสติ เป็นกายคตาสติ
เป็นอุปสมานุสสติ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่างอย่างนั้น ฯลฯ
[427] ส. ธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขายตนะเป็นสติปัฏฐาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. จักขายตนะเป็นสติปัฏฐาน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.