เมนู

สัพพมัตถีติกถา


[301] ส. สกวาที สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?
ป. ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ในสรีระทั้งปวง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ในการทั้งปวง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่โดยอาการทั้งปวง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ในธรรมทั้งปวง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งทั้งปวง ชื่อว่ามีอยู่ เพราะทำอธิบายว่า ไม่

ประกอบ1 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. แม้สิ่งที่ไม่มี ก็ชื่อว่ามีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความเห็นอย่างนี้ว่า ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีอยู่ดังนี้
เป็นมิจฉาทิฏฐิ และว่าทิฏฐิดังว่านี้ เป็นสัมมาทิฏฐิ ดังนี้ ก็มีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
[302] ส. อดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อดีตดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไปแล้ว อัสดง-
คตแล้ว สาบสูญไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอดีตดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไปแล้ว
อัสดงคตแล้ว สาบสูญไปแล้ว ก็ต้องกล่าวว่า
อดีตมีอยู่.
1. ไม่ประกอบสภาวะต่าง ๆ คือ ทำรูปไม่ให้ต่างจากเวทนา หรือทำเวทนาไม่ให้
ต่างจากรูป คือ ทำให้มีลักษณะเป็นส่วนเดียวกัน -อรรถกถา

[303] ส. อนาคตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อนาคตยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิดพร้อม ยัง
ไม่บังเกิดยังไม่บังเกิดขึ้น ยังไม่ปรากฏมิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อนาคตยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิด
พร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดขึ้น ยังไม่
ปรากฏ ก็ต้องไม่กล่าวว่า อนาคตมีอยู่.
[304] ส. ปัจจุบันมีอยู่ ปัจจุบันยังไม่ดับไป ยังไม่ปราศไป
ยังไม่แปรไป ยังไม่อัศดงคต ยังไม่สาบสูญไป
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อดีตมีอยู่ อดีตยังไม่ดับ ยังไม่ปราศไป ยังไม่
แปรไป ยังไม่อัสดงคต ยังไม่สาบสูญไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
[305] ส. ปัจจุบันมีอยู่ ปัจจุบันเกิดแล้ว เป็นแล้ว เกิด
พร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดขึ้นแล้ว ปรากฏ
แล้ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อนาคตมีอยู่ อนาคตเกิดแล้ว เป็นแล้ว เกิด
พร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดขึ้นแล้ว ปรากฏ-
แล้ว หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ฯ
[306] ส. อดีตมีอยู่ อดีตดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไป
แล้ว อัสดงคตแล้ว สาบสูญไปแล้ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปัจจุบันมีอยู่ ปัจจุบันดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว
แปรไปแล้ว อัสดงคตแล้ว สาบสูญไปแล้ว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
[307] ส. อนาคตมีอยู่ อนาคตยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่
เกิดพร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดขึ้น ยังไม่
ปรากฏ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ส. ปัจจุบันมีอยู่ ปัจจุบันยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่
เกิดพร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดขึ้น ยังไม่
ปรากฏ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
[308] ส. รูปอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอดีตดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไปแล้ว
อัสดงคตแล้ว สาบสูญไปแล้วมิใช่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปอดีตดับแล้ว ฯลฯ สาบสูญไปแล้ว ก็

ต้องไม่กล่าวว่า รูปอดีตมีอยู่.
[309] ส. รูปอนาคตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอนาคตยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิดพร้อม
ยังไม่บังเกิดขึ้น ยังไม่ปรากฏ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปอนาคตยังไม่เกิด ฯลฯ ยังไม่ปรากฏ
ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปอนาคตมีอยู่.
[310] ส. รูปปัจจุบันมีอยู่ รูปปัจจุบันยังไม่ดับไป ยังไม่
ปราศไป ยังไม่แปรไป ยังไม่อัสดงคต ยังไม่
สาบสูญไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตยังไม่ดับไป ยังไม่ปราศไป
ยังไม่แปรไป ยังไม่อัสดงคต ยังไม่สาบสูญไป
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[311] ส. รูปปัจจุบันมีอยู่ รูปปัจจุบันเกิดแล้ว เป็นแล้ว
เกิดพร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดขึ้นแล้ว
ปรากฏแล้ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอนาคตมีอยู่ รูปอนาคตเกิดแล้ว เป็นแล้ว

เกิดพร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดขึ้นแล้ว
ปรากฏแล้ว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[312] ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว
แปรไปแล้ว อัสดงคตแล้ว สาบสูญไปแล้ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปปัจจุบันมีอยู่ รูปปัจจุบันดับไปแล้ว ปราศไป
แล้ว แปรไปแล้ว อัสดงคตแล้ว สาบสูญไปแล้ว
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[313] ส. รูปอนาคตมีอยู่ รูปอนาคตยังไม่เกิด ยังไม่เป็น
ยังไม่เกิดพร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดขึ้น
ยังไม่ปรากฏ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปปัจจุบันมีอยู่ รูปปัจจุบันยังไม่เกิด ยังไม่เป็น
ยังไม่เกิดพร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดขึ้น
ยังไม่ปรากฏ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[314] ส. เวทนาอดีตมีอยู่หรือ ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร
ฯลฯ วิญญาณอดีต มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. วิญญาณอดีตดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไป
แล้ว อัสดงคตแล้ว สาบสูญไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. วิญญาณอดีตดับไปแล้ว ฯลฯ สาบสูญไปแล้ว
ก็ต้องไม่กล่าวว่า วิญญาณอดีตมีอยู่
[315] ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. วิญญาณอนาคตยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิด
พร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดขึ้น ยังไม่
ปรากฏ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. ถ้าวิญญาณอนาคตยังไม่เกิด ฯลฯ ยังไม่ปรากฏ
ก็ต้องไม่กล่าว วิญญาณอนาคตมีอยู่
[316] ส. วิญญาณปัจจุบันมีอยู่ วิญญาณปัจจุบันยังไม่ดับ
ฯ ล ฯ ยังไม่สาบสูญไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตยังไม่ดับไป ฯลฯ
ยังไม่สาบสูญไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[317] ส. วิญญาณปัจจุบันมีอยู่ วิญญาณปัจจุบันเกิดแล้ว
เป็นแล้ว ฯ ล ฯ ปรากฏแล้ว หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณอนาคตมีอยู่ วิญญาณอนาคตเกิดแล้ว
ฯลฯ ปรากฏแล้ว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[318] ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตดับไปแล้ว ฯลฯ
สาบสูญไปแล้ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณปัจจุบันมีอยู่ วิญญาณปัจจุบันดับไปแล้ว
ฯ ล ฯ สาบสูญไปแล้ว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[319] ส. วิญญาณอนาคตมีอยู่ วิญญาณอนาคตยังไม่เกิด
ฯ ล ฯ ยังไม่ปรากฏ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณปัจจุบันมีอยู่ วิญญาณปัจจุบันยังไม่เกิด
ยังไม่เป็น ฯลฯ ยังไม่ปรากฏ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[320] ส. บัญญัติว่าปัจจุบันหรือรูปก็ดี ว่ารูปหรือว่าปัจจุบัน
ก็ดี รวมเพ่งถึงรูปปัจจุบัน บัญญัติทั้ง 2 นี้ ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถ
อันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. รูปปัจจุบันเมื่อดับไป ย่อมละความเป็นปัจจุบัน
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ย่อมละความในรูป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[321] ส. บัญญัติว่าปัจจุบันหรือว่ารูปก็ดี ว่ารูปหรือว่า
ปัจจุบันก็ดี รวมเพ่งถึงรูปปัจจุบัน บัญญัติทั้ง 2 นี้ ก็อย่างเดียวกัน มี
อรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปปัจจุบันเมื่อดับไป ย่อมไม่ละความเป็นรูป
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ย่อมไม่ละความเป็นปัจจุบัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ผ้าขาว บัญญัติทั้ง 2 นี้ ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน
เท่ากัน เหมือนกัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ป. ผ้าขาว เมื่อถูกย้อม ย่อมละความเป็นผ้าขาว หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ย่อมละความเป็นผ้า หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ป. บัญญัติว่าขาวหรือว่าก็ดี ว่าหรือว่าขาวก็ดี
รวมเพ่งถึงผ้าขาว บัญญัติทั้ง 2 นี้ ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน
เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ผ้าขาวเมื่อถูกย้อม ย่อมไม่ละความเป็นผ้า หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ย่อมไม่ละความเป็นผ้าขาว หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[322] ส. รูปย่อมไม่ละความเป็นรูป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปเที่ยง ยั่งยืน คงทน มีอันไม่แปรผันเป็น
ธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะรูปย่อมละความเป็นรูป ฉะนั้นรูปจึงชื่อว่า
ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอันแปรผัน
เป็นธรรมดา มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอัน
แปรผันเป็นธรรมดา ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปย่อม
ไม่ละความเป็นรูป.

[323] ส. เพราะนิพพานย่อมไม่ละความเป็นนิพพาน
ฉะนั้นนิพพานจึงชื่อว่า เที่ยง ยั่งยืน คงทน มี
อันไม่แปรผันไปเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะรูปย่อมไม่ละความเป็นรูป ฉะนั้น รูปจึง
ชื่อว่า เที่ยง ยั่งยืน คงทน มีอันไม่แปรผันเป็น
ธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[324] ส. เพราะรูปย่อมไม่ละความเป็นรูป ฉะนั้น รูปจึง
ชื่อว่า ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอันแปร
ผันเป็นธรรม หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะนิพพานย่อมไม่ละความเป็นนิพพาน
ฉะนั้น นิพพานจึงชื่อว่า ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
ไม่คงทน มีอันแปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกว่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[325] ส. อดีตมีอยู่ อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อนาคตมีอยู่ อนาคตย่อมไม่ละความเป็นอนาคต
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. อดีตมีอยู่ อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปัจจุบันมีอยู่ ปัจจุบันย่อมไม่ละความเป็นปัจจุบัน
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[326] ส. อนาคตมีอยู่ อนาคตย่อมไม่ละความเป็นอนาคต
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อดีตมีอยู่ อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[327] ส. ปัจจุบันมีอยู่ ปัจจุบันย่อมไม่ละความเป็นปัจจุบัน
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อดีตมีอยู่ อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[328] ส. อดีตมีอยู่ อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อดีตเที่ยง ยั่งยืน คงทน มีอันไม่แปรผันเป็น
ธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

ส. อดีต ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอันแปรผัน
เป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อดีตไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอัน
แปรผันเป็นธรรมดา ก็ต้องไม่กล่าวว่า อดีตมีอยู่
อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต.
[329] ส. เพราะนิพพานมีอยู่ นิพพานย่อมไม่ละความเป็น
นิพพาน ฉะนั้น นิพพานจึงชื่อว่า เที่ยง ยั่งยืน
มั่นคง มีอันแปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะอดีตมีอยู่ อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
ฉะนั้น อดีตจึงชื่อว่า เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีอัน
แปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[330] ส. เพราะอดีตมีอยู่ อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
ฉะนั้น อดีตจึงชื่อว่า ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง
มีอันแปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะนิพพานมีอยู่ นิพพานย่อมไม่ละความเป็น
นิพพาน ฉะนั้น นิพพานจึงชื่อว่า ไม่เที่ยง ไม่

ยั่งยืน ไม่มั่นคง มีอันแปรผันเป็นธรรมดา
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[331] ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. รูปอนาคตมีอยู่ รูปอนาคตย่อมไม่ละความเป็น
อนาคต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. รูปอดีตอยู่ รูปอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปปัจจุบันมีอยู่ รูปปัจจุบันย่อมไม่ละความเป็น
ปัจจุบัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[332] ส. รูปอนาคตมีอยู่ รูปอนาคตย่อมไม่ละความเป็น
อนาคต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[333] ส. รูปปัจจุบันมีอยู่ รูปปัจจุบันย่อมไม่ละความเป็น
ปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[334] ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอดีต เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีอันไม่แปรผัน
เป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. รูปอดีต ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอันแปร
ผันเป็นธรรมดา มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปอดีต ไม่เที่ยง ฯ ล ฯ มีอันแปรผัน
เป็นธรรมดา ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปอดีต มีอยู่ รูป
อดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต.
[335] ส. นิพพานมีอยู่ นิพพานย่อมไม่ละความเป็น
นิพาน นิพพานเที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีอันไม่
แปรผันไปเป็นธรรมดา หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
รูปอดีตเที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีอันไม่แปรผัน
เป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[336] ส. รูปอดีตมีอยู่ รูปอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต
รูปอดีตไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง มีอันแปร
ผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. นิพพานมีอยู่ นิพพานย่อมไม่ละความเป็น
นิพพาน นิพพานไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง
มีอันแปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[337] ส. เวทนาอดีตมีอยู่ ฯลฯ สัญญาอดีตมีอยู่ ฯ ล ฯ
สังขารอดีตมีอยู่ ฯลฯ
[338] ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความ
เป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณอนาคตมีอยู่ วิญญาณอนาคตย่อมไม่ละ
ความเป็นอนาคต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความ
เป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณปัจจุบันมีอยู่ วิญญาณปัจจุบันย่อมไม่ละ
ความเป็นปัจจุบัน ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[339] ส. วิญญาณอนาคตมีอยู่ วิญญาณอนาคตย่อมไม่ละ
ความเป็นอนาคต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความ
เป็นอดีต หรือ ?
[340] ส. วิญญาณปัจจุบันมีอยู่ วิญญาณปัจจุบันย่อมไม่ละ
ความเป็นปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความ
เป็นอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[341] ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความ
เป็นอดีต หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณอดีตเที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีอันไม่แปร
ผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. วิญญาณอดีตไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง มีอัน
แปรผันเป็นธรรมดา มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า วิญญาณอดีตไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่แน่
นอน มีอันแปรผันเป็นธรรมดา ก็ต้องไม่กล่าวว่า วิญญาณอดีตมีอยู่
วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความเป็นอดีต.
[342] ส. นิพพานมีอยู่ นิพพานย่อมไม่ละความเป็น
นิพพาน นิพพานเที่ยง ยั่งยืน มั่นคงมีอันไม่แปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิญญาณอดีตมีอยู่ วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความ
เป็นอดีตเที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีอันไม่แปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[343] ส. วิญญาณมีอยู่ วิญญาณอดีตย่อมไม่ละความเป็น
อดีต วิญญาณอดีตไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง มีอันแปรผันเป็น
ธรรมดา หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. นิพพานมีอยู่ นิพพานย่อมไม่ละความเป็น
นิพพาน นิพพานไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง
มีอันแปรผันเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯล ฯ
[344] ส. อดีตใช่สภาวะที่มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อดีตมิใช่สภาวะที่มีอยู่ คำว่าอดีตมีอยู่
ก็ผิด ก็หรือหากว่าสภาวะอันมิใช่อดีตมีอยู่ คำว่า
อดีตมีอยู่ก็ผิด ?
ส. อนาคตมิใช่สภาวะที่อยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อนาคตมิใช่สภาวะที่มีอยู่ คำว่าอนาคต
มีอยู่ก็ผิด ก็หรือหากว่าสภาวะอันมิใช่อนาคต
มีอยู่คำว่าอนาคตมีอยู่ก็ผิด ?
[395] ส. เป็นอนาคตแล้วจึงเป็นปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อนาคตก็อันนั้นแหละ ปัจจุบันก็อันนั้นแหละ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. อนาคตก็อันนั้นแหละ ปัจจุบันก็อันนั้นแหละ
หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่เป็นอนาคต แล้วเป็นปัจจุบัน ชื่อว่าเป็น
แล้วจึงเป็นอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. สิ่งที่เป็นอนาคต แล้วเป็นปัจจุบัน ชื่อว่าเป็น
แล้วจึงเป็นอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่ไม่เป็นอนาคต แล้วไม่เป็นปัจจุบัน ชื่อว่า
ไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[346] ส. เป็นปัจจุบันแล้วจึงเป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปัจจุบันก็อันนั้นแหละ อดีตก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ปัจจุบันก็อันนั้นแหละ อดีตก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่เป็นปัจจุบัน แล้วเป็นอดีต ชื่อว่าเป็นแล้ว
จึงเป็นอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. สิ่งที่เป็นปัจจุบัน แล้วเป็นอดีต ชื่อว่าเป็นแล้ว
จึงเป็นอยู่ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่ไม่เป็นปัจจุบัน แล้วไม่เป็นอดีต ชื่อว่าไม่
เป็นแล้ว ไม่เป็น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[347] ส. เป็นอนาคตแล้วจึงเป็นปัจจุบัน เป็นปัจจุบัน
แล้วจึงเป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อนาคตก็อันนั้นแหละ ปัจจุบันก็อันนั้นแหละ
อดีตก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. อนาคตก็อันนั้นแหละ ปัจจุบันก็อันนั้นแหละ
อดีตก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่เป็นอนาคต แล้วเป็นปัจจุบัน ชื่อว่าเป็น
แล้ว จึงเป็นอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. สิ่งที่เป็นอนาคต แล้วเป็นปัจจุบัน ชื่อว่าเป็น
แล้วจึงเป็นอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่ไม่เป็นอนาคต แล้วไม่เป็นปัจจุบัน ชื่อว่า
ไม่เป็นแล้วไม่เป็น หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[348] ส. จักขุอดีตมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง,
มนสิการอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลเห็นรูปอดีตได้ ด้วยจักขุอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โสตะอดีตมีอยู่ เสียง, โสตวิญญาณ, อากาศ,
มนสิการอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลฟังเสียงอดีตได้ ด้วยโสตอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ฆานะอดีตมีอยู่ กลิ่น, ฆานวิญญาณ, ลม, มนสิ-
การอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลสูดกลิ่นอดีตได้ ด้วยฆานะอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ชิวหาอดีตมีอยู่ รส, ชิวหาวิญญาณ, น้ำ, มนสิ-
สิการอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลลิ้มรสอดีตได้ ด้วยลิ้นอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

ส. กายอดีตมีอยู่ โผฏฐัพพะ, กายวิญญาณ, ดิน,
มนสิการอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลถูกต้องโผฏฐัพพะอดีตได้ด้วยกายอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. มโนอดีตมีอยู่ ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ, วัตถุ,
มนสิการอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลรู้แจ้งธรรมารมณ์อดีตได้ ด้วยมโนอดีต
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[349] ส. จักขุอนาคตมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง,
มนสิการอนาคตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลเห็นรูปอนาคตได้ ด้วยจักขุอนาคต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โสตะ. . . ฆานะ . . . ชิวหา . . . กาย . . . มโน
อนาคตมีอยู่ ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ. วัตถุ,
มนสิการอนาคตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. บุคคลรู้แจ้งธรรมารมณ์อนาคตได้ ด้วยมโน
อนาคต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[350] ส. จักขุปัจจุบันมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง,
มนสิการปัจจุบันมีอยู่ บุคคลเห็นรูปปัจจุบันได้
ด้วยจักขุปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขุอดีตมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง,
มนสิการอดีตมีอยู่ บุคคลเห็นรูปอดีตได้ ด้วย
จักขุอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โสตะ... ฆานะ... ชิวหา... กาย... มโนปัจจุบัน
มีอยู่ ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ, วัตถุ, มนสิการปัจจุบันมีอยู่ บุคคล
รู้แจ้งธรรมารมณ์ปัจจุบันได้ ด้วยมโนปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มโนอดีตมีอยู่ ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ, วัตถุ,
มนสิการอดีตมีอยู่ บุคคลรู้แจ้งธรรมารมณ์อดีต
ไม่ด้วยมโนอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[351] ส. จักขุปัจจุบันมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ แสงสว่าง,

มนสิการปัจจุบันมีอยู่ บุคคลเห็นรูปปัจจุบันได้
ด้วยจักขุปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขุอนาคตมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง,
มนสิการอนาคตมีอยู่ บุคคลเห็นรูปอนาคตได้
ด้วยจักขุอนาคต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โสตะ. . . ฆานะ. . . ชิวหา. . . กาย. . . มโน ปัจจุบัน
มีอยู่ ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ, วัตถุ มนสิการปัจจุบันมีอยู่ บุคคล
รู้แจ้งธรรมารมณ์ปัจจุบันไดด้วยมโนปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มโนอนาคตมีอยู่ ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ,
วัตถุ, มนสิการอนาคตมีอยู่ บุคคลรู้แจ้งธรรมา-
รมณ์อนาคตได้ด้วยมโนอนาคต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[352] ส. จักขุอดีตมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ แสงสว่าง,
มนสิการอดีตมีอยู่ แต่บุคคลเห็นรูปอดีตด้วย
จักขุอดีตไม่ได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขุปัจจุบันมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง,

มนสิการปัจจุบันมีอยู่ บุคคลเห็นรูปปัจจุบันได้
ไม่ได้ด้วยจักขุปัจจุบัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โสตะ. . . ฆานะ . . . ชิวหา . . . มโนอดีตมีอยู่
ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ, วัตถุ, มนสิการอดีตมีอยู่ แต่บุคคลรู้แจ้ง
ธรรมารมณ์อดีตไม่ได้ด้วยมโนอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มโนปัจจุบันมีอยู่ ธรรมารมณ์, มโนวิญญาณ,
วัตถุ, มนสิการปัจจุบันมีอยู่ แต่บุคคลรู้แจ้ง
ธรรมารมณ์ปัจจุบันไม่ได้ด้วยมโนปัจจุบัน หรือ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[353] ส. จักขุอนาคตมีอยู่, รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง,
มนสิการอนาคตมีอยู่ แต่บุคคลเห็นรูปอนาคต
ไม่ได้ด้วยจักขุอนาคต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขุปัจจุบันมีอยู่ รูป, จักขุวิญญาณ, แสงสว่าง
มนสิการปัจจุบันมีอยู่ แต่บุคคลเป็นรูปปัจจุบัน
ไม่ได้ด้วยจักขุปัจจุบัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โสตะ. . . ฆานะ. . . ชิวหา . . . กาย. . . มโนอนาคต

มีอยู่ ธรรมารมณ์ มโนวิญญาณ, วัตถุ มนสิการอนาคตมีอยู่ แต่
บุคคลรู้แจ้งธรรมารมณ์อนาคตไม่ได้ด้วยมโนอนาคต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มโนปัจจุบันมีอยู่ ธรรมารมณ์ มโนวิญญาณ,
วัตถุ, มนสิการปัจจุบันมีอยู่ แต่บุคคลรู้แจ้ง
ธรรมารมณ์ปัจจุบันไม่ไดด้วยมโนปัจจุบัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[354] ส. ญาณอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณได้ ด้วยญาณอดีต
นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณได้ ด้วยญาณอดีต
นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ได้, ละสมุทัยได้, ทำนิโรธ
ให้แจ้งได้ ยังมรรคให้เกิดได้ด้วยญาณอดีตนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[355] ส. ญาณอนาคตมีอยู่ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณได้ ด้วยญาณ
อนาคตนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณได้ ด้วยญาณ
อนาคตนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ ละสมุทัยได้. ทำนิโรธให้
แจ้งได้ ยังมรรคให้เกิดได้ด้วยญาณอนาคตนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[356] ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณ
ได้ด้วยญาณปัจจุบันนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณอดีตอยู่ บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณได้
ด้วยญาณอดีตนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ ? บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ได้
ละสมุทัยได้, ทำนิโรธให้แจ้งได้ ยังมรรคให้เกิดได้ ด้วยญาณปัจจุบัน
นั้น หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณอดีตมีอยู่ บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ได้, ละสมุทัย
ได้, ทำนิโรธให้แจ้งได้, ยังมรรคให้เกิดได้ด้วยญาณอนาคตนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณ
ได้ด้วยญาณปัจจุบันนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณอนาคตมีอยู่ บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วยญาณ
ได้ด้วยญาณที่เป็นอนาคตนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ได้, ละ
สมุทัยได้, ทำนิโรธให้แจ้งได้, ยังมรรคให้เกิดได้ ด้วยญาณปัจจุบันนั้น
หรือ
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณอนาคตมีอยู่ บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ได้,
ละสมุทัยได้, ทำนิโรธให้แจ้งได้, ยังมรรคให้เกิดได้ ด้วยญาณอนาคต
นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[357] ส. ญาณอดีตมีอยู่ แต่บุคคลทำกิจที่พึงด้วยญาณ
ไม่ได้ด้วยญาณอดีตนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ แต่บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วย
ญาณไม่ได้ด้วยญาณปัจจุบัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ญาณอดีตมีอยู่ แต่บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ไม่ได้,
ละสมุทัยไม่ได้, ทำนิโรธให้แจ้งไม่ได้, ยังมรรคให้เกิดไม่ได้ด้วยญาณ
อดีตนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ แต่บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ไม่ได้
และสมุทัยไม่ได้, ทำนิโรธให้แจ้งไม่ได้, ยังมรรคให้เกิดไม่ได้ด้วยญาณ
ปัจจุบันนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[358] ส. ญาณอนาคตมีอยู่ แต่บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วย
ญาณไม่ได้ด้วยญาณอนาคตนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ แต่บุคคลทำกิจที่พึงทำด้วย
ญาณไม่ได้ด้วยญาณปัจจุบันนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ญาณอนาคตมีอยู่ แต่บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ไม่ได้
ละสมุทัยไม่ได้ ทำนิโรธให้แจ้งไม่ได้, ยังมรรคให้เกิดไม่ได้ด้วยญาณ
อนาคตนั้น หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ญาณปัจจุบันมีอยู่ แต่บุคคลกำหนดรู้ทุกข์ไม่ได้
ละสมุทัยไม่ได้, ทำนิโรธให้แจ้งไม่ได้ ยังมรรคให้เกิดไม่ได้ด้วยญาณ
ปัจจุบันนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[359] ส. ราคะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีราคะด้วยราคะนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โทสะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีโทสะด้วยโทสะนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โมหะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีโมหะด้วยโมหะนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. มานะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีมานะด้วยมานะอดีตนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. ทิฏฐิอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิจิกิจฉาอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีวิจิกิจฉาด้วยวิจิกิจฉานั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ถีนะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีถีนะด้วยถีนะนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. อุทธัจจะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีอุทธัจจะด้วยอุทธัจจะนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. อหิริกะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีอหิริกะด้วยอหิริกะนั้น หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. อโนตตัปปะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ชื่อว่ามีอโนตตัปปะด้วยอโนตตัปปะ
นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[360] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระอนาคามีมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอนาคามีชื่อว่ามีทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิจิกิจฉา, สีลัพพตปรามาส กามราคะอย่าง
ละเอียด พยาบาทอย่างละเอียดอดีต ของพระอนาคามีมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. พระอนาคามีชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วยพยาบาทนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[361] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระสกทาคามีมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระสกทาคามีชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. วิจิกิจฉา, ลีลัพพตปรามาส, กามราคะอย่าง
หยาบ, พยาบาทอย่างหยาบที่เป็นอดีตของพระ-
สกทาคามีมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระสกทาคามีชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วยพยาบาท
นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[362] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระโสดาบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระโสดาบันชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิจิกิจฉา, สีลัพพตปรามาส, ราคะอันเป็นอปาย-
คามี. โทสะอันเป็นอปายคามี, โมหะอันเป็นอปายคามี, ที่เป็นอดีตของ
พระโสดาบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระโสดาบันชื่อว่ามีโมหะด้วยโมหะนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[363] ส. ราคะอดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามีราคะ
ด้วยราคะนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ราคะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ พระอรหันต์
ชื่อว่ามีราคะด้วยราคะนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โทสะอดีตของปุถุชนมีอยู่ ฯ ล ฯ อโนตตัปปะ
อดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามีอโนตตัปปะด้วยอโนตตัปปะนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อโนตตัปปะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ พระ-
อรหันต์ชื่อว่ามีอโนตตัปปะด้วยอโนตตัปปะนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[364] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามี
ทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระอนาคามี มีอยู่ พระ-
อนาคามีชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิจิกิจฉาอดีตของปุถุชนมีอยู่ ฯ ล ฯ พยาบาท
อย่างละเอียดที่เป็นอดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วย
พยาบาทนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. พยาบาทอย่างละเอียดที่เป็นอดีตของพระอนาคา-
มี มีอยู่ พระอนาคามีชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วย
พยาบาทนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[365 ] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามี
ทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระสกทาคามี มีอยู่ พระ-
สกทาคามีชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิจิกิจฉาอดีตของปุถุชนมีอยู่ ฯลฯ พยาบาทอย่าง
หยาบที่เป็นอดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วยพยาบาท
นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พยาบาทอย่างหยาบที่เป็นอดีตของพระสกทาคา-
มี มีอยู่ พระสกทาคามีชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วย
พยาบาทนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[366] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามี
ทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระโสดาบันมีอยู่ พระ-
โสดาบันชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิจิกิจฉาอดีตของปุถุชนมีอยู่ ฯ ล ฯ โมหะอัน
เป็นอปายคามีที่เป็นอดีตของปุถุชนมีอยู่ ปุถุชนชื่อว่ามีโมหะด้วยโมหะ
นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. โมหะอันเป็นอปบายคามีที่เป็นอดีตของพระโสดา-
บันมีอยู่ พระโสดาบันชื่อว่ามีโมหะด้วยโมหะนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[ 367] ส. ราคะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ แต่พระอรหันต์
หาชื่อว่ามีราคะด้วยราคะนั้นไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ราคะอันอดีตของปุถุชนมีอยู่ แต่ปุถุชนหาชื่อว่ามี
ราคะด้วยราคะนั้นไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. โทสะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ ฯ ล ฯ อโนต-
ตัปปะอดีตของพระอรหันต์มีอยู่ แต่พรอรหันต์หาชื่อว่ามีอโนตตัปปะ
ด้วยอโนตัปปะนั้นไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.


ส. อโนตตัปปะอดีตของปุถุชนมีอยู่ แต่ปุถุชนหาชื่อ
ว่ามีอโนตตัปปะด้วยอโนตตัปปะนั้นไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[368] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระอนาคามี มีอยู่ แต่พระ-
อนาคามีหาชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สักกายทิฏฐิอดีตของปุถุชนมีอยู่ แต่ปุถุชนหาชื่อ
ว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้นไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. วิจิกิจฉาอดีตของพระอนาคามี มีอยู่ ฯลฯ พยา-
บาทอย่างละเอียดที่เป็นอดีตของพระอนาคามี มีอยู่ แต่พระอนาคามีหา
ชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วยพยาบาทนั้นไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พยาบาทอย่างละเอียดที่เป็นอดีตของปุถุชนมีอยู่
แต่ปุถุชนหาชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วยพยาบาทนั้น
ไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวยอย่างนั้น ฯลฯ
[369] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระสกทาคามีอยู่ แต่พระ-
สกทาคามีหาชื่อว่าทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้นไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. สักกายทิฏฐิอดีตของปุถุชนมีอยู่ แต่ปุถุชนหาชื่อ
ว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้นไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. วิจิกิจฉาอดีตของพระสกทาคามี มีอยู่ ฯลฯ พยา-
บาทอย่างหยาบที่เป็นอดีตของพระสกทาคามี มีอยู่ แต่พระสกทาคามีหา
ชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วยพยาบาทนั้นไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พยาบาทอย่างหยาบ ที่เป็นอดีตของปุถุชนมีอยู่
แต่ปุถุชนหาชื่อว่ามีจิตพยาบาทด้วยพยาบาทนั้น
ไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[370] ส. สักกายทิฏฐิอดีตของพระโสดาบันมีอยู่ แต่พระ-
โสดาบันหาชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้นไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สักกายทิฏฐิอดีตของปุถุชนมีอยู่ แต่ปุถุชนหา
ชื่อว่ามีทิฏฐิด้วยทิฏฐินั้นไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิจิกิจฉาอดีตของพระโสดาบันมีอยู่ ฯลฯ โมหะ
อันเป็นอปายคามีที่เป็นอดีตของพระโสดาบันมีอยู่ แต่พระโสดาบันหา
ชื่อว่ามีโมหะด้วยโมหะนั้นไม่ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. โมหะอันเป็นอปายคามีที่เป็นอดีตของปุถุชนมีอยู่
แต่ปุถุชนหาชื่อว่ามีโมหะด้วยโมหะนั้นไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[371] ส. มืออดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อมืออดีตมีอยู่ การจับ การวาง ยังปรากฏอยู่
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เท้าอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อเท้าอดีตมีอยู่ การก้าวไป การถอยกลับ ยัง
ปรากฏอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ข้อพับอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อข้อพับอดีตมีอยู่ การคู้ การเหยียด ยัง
ปรากฏอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ท้องอดีตมีอยู่ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. เมื่อท้องอดีตมีอยู่ ความหิว ความกระหาย ยัง
ปรากฏอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. กายอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กายอดีตยังเข้าถึงการยกย่องและการปราบปราม
ยังเข้าถึงการตัดและการทำลาย ยังเป็นของสาธารณะแก่กา แก่แร้ง
แก่เหยี่ยว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ยาพิษพึงเข้าไป ศัสตราพึงเข้าไป ไม่พึงเข้าไป
ในกายอดีต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. กายอดีต ยังจะจองจำได้ด้วยเครื่องจำคือชื่อคา
ด้วยเครื่องจำคือเชือก ด้วยเครื่องจำคือตรวน ด้วยเครื่องจำคือบ้าน
ด้วยเครื่องจำคือนิคม ด้วยเครื่องจำคือนคร ด้วยเครื่องจำคือชนบท
ด้วยเครื่องจำ 5 ประการ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนี้ ฯ ล ฯ
[372] ส. น้ำอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. บุคคลทำกิจที่ต้องใช้น้ำได้ด้วยน้ำนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ไฟอดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลทำกิจที่ต้องใช้ไฟได้ด้วยไฟนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ลมอดีตมีอยู่ หรือ
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลทำกิจที่ต้องใช้ลมได้ด้วยลมนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[373] ส. รูปขันธ์อดีตมีอยู่ รูปขันธ์อนาคตมีอยู่ รูปขันธ์
ปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปขันธ์เป็น 3 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ขันธ์ที่เป็นอดีตมีอยู่ ขันธ์ห้าที่เป็นอนาคตมีอยู่
ขันธ์ 5 ที่เป็นปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ขันธ์เป็น 15 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

[374] ส. จักขายตนะอดีตมีอยู่ จักขายตนะอนาคตมีอยู่
จักขายตนะปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขายตนะเป็น 3 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. อายตนะ 12 ที่เป็นอดีตมีอยู่ อายตนะ 12
ที่เป็นอนาคตมีอยู่ อายตนะ 12 ที่เป็นปัจจุบัน
มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อายตนะเป็น 36 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[375] ส. จักขุธาตุอดีตมีอยู่ จักขุธาตุอนาคตมีอยู่ จักขุ-
ธาตุปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขุธาตุเป็น 3 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ธาตุ 18 ที่เป็นอดีตมีอยู่ ธาตุ 18 ที่เป็น
อนาคตมีอยู่ ธาตุ 18 ที่เป็นปัจจุบันมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ธาตุเป็น 54 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[376] ส. จักขุนทรีย์อดีตมีอยู่ จักขุนทรีย์อนาคตมีอยู่
จักขุนทรีย์ปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักขุนทรีย์เป็น 3 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. อินทรีย์ 22 ที่เป็นอดีตมีอยู่ อินทรีย์ 22
ที่เป็นอนาคตมีอยู่ อินทรีย์ 22 เป็นปัจจุบัน
มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อินทรีย์เป็น 66 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[377] ส. พระเจ้าจักรพรรดิอดีตมีอยู่ พระเจ้าจักรพรรดิ
อนาคตมีอยู่ พระเจ้าจักรพรรดิปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระเจ้าจักรพรรดิทั้ง 3 องค์ทรงพบกันได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[378] ส. สัมมาสัมพุทธเจ้าอดีตมีอยู่ สัมมาสัมพุทธเจ้า
อนาคตมีอยู่ สัมมาสัมพุทธเจ้าปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 3 องค์ทรงพบกันได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[379] ส. อดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่มีอยู่เป็นอดีต หรือ ?
ป. สิ่งที่มีอยู่เป็นอดีตก็มี ไม่เป็นอดีตก็มี
ส. ท่านจงรับรู้นิคคหะ, หากว่าอดีตมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่
เป็นอดีตก็มี ไม่เป็นอดีตก็มี ด้วยเหตุนั้น อดีตก็ไม่เป็นอดีต สิ่งที่ไม่ใช่
อดีตก็เป็นอดีต, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า อดีตมีอยู่ สิ่ง
ที่มีอยู่เป็นอดีตก็มี ไม่เป็นอดีตก็มี ด้วยเหตุนั้นอดีตก็ไม่ใช่อดีตเป็นอดีต
สิ่งที่ไม่ใช่อดีตก็เป็นอดีต ดังนี้ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า อดีตไม่เป็นอดีต
สิ่งที่ไม่ใช่อดีตเป็นอดีต ก็ต้องไม่กล่าวว่าอดีตมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็นอดีต
ก็มี, ไม่เป็นอดีตก็มี ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่าอดีตมีอยู่
สิ่งที่มีอยู่ เป็นอดีตก็มี ไม่เป็นอดีตก็มี ด้วยเหตุนั้น อดีตก็ไม่เป็นอดีต
สิ่งที่ไม่ใช่อดีตก็เป็นอดีต ดังนี้ผิด.
[380] ส. อนาคตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่มีอยู่เป็นอนาคต หรือ ?
ป. สิ่งที่มีอยู่ เป็นอนาคตก็มี ไม่เป็นอนาคตก็มี

ส. ท่านจงรับรู้นิคคหะ, หากว่าอนาคตมีอยู่ สิ่งที่
มีอยู่ เป็นอนาคตก็มี ไม่เป็นอนาคตก็มี ด้วยเหตุนั้น อนาคตก็ไม่เป็น
อนาคต สิ่งไม่ใช่อนาคตก็เป็นอนาคต, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า
พึงกล่าวได้ว่า อนาคตมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็นอนาคตก็มี ไม่เป็นอนาคตก็มี
ด้วยเหตุนั้น อนาคตก็ไม่เป็นอนาคต สิ่งที่ไม่ใช่อนาคตก็เป็นอนาคต
ดังนี้ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า อนาคตไม่เป็นอนาคต สิ่งที่ไม่ใช่อนาคต
เป็นอนาคต ก็ต้องไม่กล่าวว่า อนาคตมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็นอนาคตก็มี
ไม่เป็นอนาคตก็มี, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า อนาคต
มีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็นอนาคตก็มี ไม่เป็นอนาคตก็มี ด้วยเหตุนั้น อนาคต
ก็ไม่เป็นอนาคต สิ่งที่ไม่ใช่อนาคต ก็เป็นอนาคต ดังนี้ผิด
[381] ส. ปัจจุบันมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่มีอยู่เป็นปัจจุบัน หรือ ?
ป. สิ่งที่มีอยู่เป็นปัจจุบันก็มี ไม่เป็นปัจจุบันก็มี
ส. ท่านจงรับรู้นิคคหะ หากว่าปัจจุบันมีอยู่ สิ่งที่มี
อยู่ เป็นปัจจุบันก็มี ไม่เป็นปัจจุบันก็มี ด้วยเหตุนั้น ปัจจุบันก็ไม่เป็น
ปัจจุบัน สิ่งที่ไม่ใช่ปัจจุบันก็เป็นปัจจุบัน ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า
พึงกล่าวได้ว่า ปัจจุบันมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่เป็นปัจจุบันก็มี ไม่เป็นปัจจุบัน
ก็มี ด้วยเหตุนั้น ปัจจุบันก็ไม่เป็นปัจจุบัน สิ่งที่ไม่ใช่ปัจจุบัน ก็เป็น
ปัจจุบัน ดังนี้ผิด,แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า ปัจจุบันไม่เป็นปัจจุบัน สิ่งที่ไม่
ใช่ปัจจุบันเป็นปัจจุบัน ก็ต้องไม่กล่าวว่า ปัจจุบันมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็น

ปัจจุบันก็มี ไม่เป็นปัจจุบันก็มี, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าว
ได้ว่า ปัจจุบันมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็นปัจจุบันก็มี ไม่เป็นปัจจุบันก็มี ด้วย
เหตุนั้น ปัจจุบันก็ไม่เป็นปัจจุบัน สิ่งที่ไม่ใช่ปัจจุบันก็เป็นปัจจุบัน
ดังนี้ผิด
[382] ส. นิพพานมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. สิ่งที่มีอยู่เป็นนิพพาน หรือ ?
ป. สิ่งที่มีอยู่เป็นนิพพานก็มี ไม่เป็นนิพพานก็มี
ส. ท่านจงรับรู้นิคคหะ หากว่านิพพานมีอยู่ สิ่งที่มี
อยู่ เป็นนิพพานก็มี ไม่เป็นนิพพานก็มี ด้วยเหตุนั้น นิพพานก็ไม่เป็น
นิพพาน สิ่งที่ไม่ใช่นิพพานก็เป็นนิพพาน, ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า
พึงกล่าวได้ว่า นิพพานมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็นนิพพานก็มี ไม่เป็นนิพพาน
ก็มี ด้วยเหตุนั้น นิพพานก็ไม่เป็นนิพพาน สิ่งที่ไม่ใช่นิพพาน ก็เป็น
นิพพาน ดังนี้ผิด แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า นิพพานไม่เป็นนิพพาน สิ่งที่ไม่
ใช่นิพพานเป็นนิพพาน ก็ต้องไม่กล่าวว่า นิพพานมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็น
นิพพานก็มี ไม่เป็นนิพพานก็มี ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าว
ได้ว่า นิพพานมีอยู่ สิ่งที่มีอยู่ เป็นนิพพานก็มี ไม่เป็นนิพพานก็มี
ด้วยเหตุนั้น นิพพานก็ไม่เป็นนิพพาน สิ่งที่ไม่ใช่นิพพานก็เป็นนิพพาน
ดังนี้ผิด
[383] ป. ไม่พึงกล่าว อดีตมีอยู่ อนาคตมีอยู่ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.

ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีต
ก็ดี ที่อยู่ในที่ไกล ในที่ใกล้ก็ดี นี้เรียกว่ารูปขันธ์ เวทนาอย่างใด
อย่างหนึ่ง ฯ ล ฯ สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯ ล ฯ สังขารเหล่าใด
เหล่าหนึ่ง ฯ ล ฯ วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต
ปัจจุบัน ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี
ประณีตก็ดี ที่อยู่ในที่ไกล ในที่ใกล้ก็ดี นี้เรียกว่า วิญญาณขันธ์

ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริงมิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น อดีตก็มีอยู่ อนาคตก็มีอยู่ น่ะสิ
[384] ส. อดีตมีอยู่ อนาคตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ครรลองแห่งภาษา ครรลองแห่งชื่อ ครรลองแห่งบัญญัติ
3 ประการนี้ อันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลาย ไม่ลบล้าง ไม่เคย
ลบล้าง ไม่รังเกียจอยู่ จักไม่รังเกียจ มิได้คัดค้าน 3 ประการ
เป็นไฉน

(1) รูปใด ล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว แปร

ไปแล้ว รูปนั้น เขากล่าวกันว่า ได้มีแล้ว เขาเรียกว่า ได้มีแล้ว
เขาบัญญัติว่า ได้มีแล้ว แต่รูปนั้น เขาไม่กล่าวกันว่า มีอยู่ เขา
ไม่กล่าวกันว่าจักมี เวทนาใด ฯ ล ฯ สัญญาใด ฯ ล ฯ สังขาร
เหล่าใด ฯ ล ฯ วิญญาณใด ล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว
แปรไปแล้ว ญาณนั้นเขากล่าวกันว่า ได้มีแล้ว เขาเรียกว่า
ได้มีแล้ว เขาบัญญัติว่า ได้มีแล้ว แต่วิญญาณนั้น เขาไม่กล่าว
กันว่ามีอยู่ เขาไม่กล่าวกันว่า จักมี.

(2) รูปใด ยังไม่เกิด ยังไม่ปรากฏ รูปนั้น เขากล่าว
กันว่า จักมี เขาเรียกว่า จักมี เขาบัญญัติว่า จักมี แต่รูปนั้น เขา
ไม่กล่าวกันว่า มีอยู่ เขาไม่กล่าวกันว่า ได้มีแล้ว เวทนาใด ฯลฯ
สัญญาใด ฯลฯ สังขารเหล่าใด ฯลฯ วิญญาณใด ยังไม่เกิด
ยังไม่ปรากฏ วิญญาณนั้น เขากล่าวกันว่า จักมี เขาเรียกว่า จักมี
เขาบัญญัติว่า จักมี แต่เขาไม่กล่าวกันว่ามีอยู่ เขาไม่กล่าวกันว่า
ได้มีแล้ว

(3) รูปใด เกิดแล้ว ปรากฏแล้ว รูปนั้น เขากล่าวกันว่า
มีอยู่ เขาเรียกว่า มีอยู่ เขาบัญญัติว่า มีอยู่ แต่เขาไม่กล่าวกันว่า
ได้มีแล้ว เขาไม่กล่าวกันว่า จักมี เวทนาใด ฯลฯ สัญญาใด ฯลฯ
สังขารเหล่าใด ฯลฯ วิญญาณใด เกิดแล้ว ปรากฏแล้ว วิญญาณ
นั้น เขากล่าวกันว่า มีอยู่ เขาเรียกว่า มีอยู่ เขาบัญญัติว่า มีอยู่

แต่วิญญาณนั้น เขาไม่กล่าวกันว่า ได้มีแล้ว เขาไม่กล่าวกันว่า
จักมี

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครรลองแห่งภาษา ครรลองแห่งชื่อ
ครรลองแห่งบัญญัติ 3 ประการเหล่านั้นแล อันสมณพราหมณ์ผู้
รู้ทั้งหลาย ไม่ลบล้าง ไม่เคยลบล้าง ไม่รังเกียจอยู่ จักไม่รังเกียจ
มิได้คัดค้าน แม้ชนที่เป็นชาวอุกกละ ชาววัสสภัญญะ ที่เป็น
อเหตุกวาท อภิริยวาท ก็ได้สำคัญครรลองแห่งภาษา ครรลอง
แห่งชื่อ ครรลองแห่งบัญญัติ 3 ประการนี้ว่า อันตนไม่พึง
ติเตียน อันตนไม่พึงคัดค้าน ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะกลัว
การติเตียน การเพิดเพ้ยและการโต้แย้ง
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง
มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า อดีตมีอยู่ อนาคต
มีอยู่น่ะสิ.
[385] ส. อดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านพระผัคคุณะได้กราบทูลพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า บุคคลเมื่อยังพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่
ล่วงไปแล้วปรินิพพานแล้ว มีธรรมเครื่องเนิ่นช้าอันตัดแล้ว มี

1. สํ. ขนฺธ. 17/134

ทางอันตัดแล้ว มีวัฏฏะอันจำกัดแล้ว ล่วงทุกข์ทั้งปวงได้แล้ว ให้
ปรากฏ พึงให้ปรากฏได้ด้วยจักษุใด จักษุนั้นมีอยู่หรือหนอ ฯลฯ
ชิวหานั้นมีอยู่หรือหนอ ฯลฯ บุคคลเมื่อยังพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ที่ล่วงไปแล้ว ปรินิพพานแล้ว มีธรรมเครื่องเนิ่นช้าอันตัดแล้ว
มีทางอันตัดแล้ว มีวัฏฏะอันจำกัดแล้ว ล่วงทุกข์ทั้งปวงได้แล้ว
ให้ปรากฏ พึงให้ปรากฏได้ด้วยมโนใด มโนนั้นมีอยู่หรือหนอ
ดูก่อนผัคคุณะ บุคคลเมื่อยังพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงไปแล้ว
ปรินิพพานแล้ว มีธรรมเครื่องเนิ่นช้าอันตัดแล้ว มีทางอันตัดแล้ว
มีวัฏฏะอันจำกัดแล้ว ล่วงทุกข์ทั้งปวงได้แล้ว ให้ปรากฏ พึงให้
ปรากฏได้ด้วยจักษุใด จักษุนั้นไม่มีอยู่เลย ฯ ล ฯ ชิวหานั้นไม่มี
อยู่เลย ฯลฯ บุคคลยังพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงไปแล้ว ปริ-
นิพพานแล้ว มีธรรมเครื่องเนิ่นช้าอันตัดแล้ว มีทางอันตัดแล้ว
มีวัฏฏะอันจำกัดแล้ว ล่วงพ้นทุกข์ทั้งปวงได้แล้ว ให้ปรากฏ พึง
ให้ปรากฏได้ด้วยมโนใด มโนนั้นไม่มีอยู่เลย ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่
จริง มิใช่หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าว อดีตมีอยู่ น่ะสิ.
[386] ส. อดีตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
สํ สฬา. 18/99-100

ส. ท่านพระนันทกะได้กล่าวว่า โลภะได้มีแล้วใน
กาลก่อน ข้อนั้นได้เป็นความไม่ดีแล้ว โลภะนั้น บัดนี้ไม่มีอยู่
ข้อนี้เป็นความดี โทสะได้มีแล้วในกาลก่อน ฯ ล ฯ โมหะได้มี
แล้วในกาลก่อน ข้อนั้นได้เป็นความไม่ดีแล้ว โมหะนั้น บัดนี้
ไม่มีอยู่ ข้อนี้เป็นความดี
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ไม่พึงกล่าวว่า อดีตมีอยู่ น่ะสิ.
[387] ป. ไม่พึงกล่าวว่า อนาคตมีอยู่ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย หากว่าความยินดี ความเพลิน ความอยาก ยังมีอยู่ใน
กวฬิงการาหาร วิญญาณก็ตั้งมั่นแล้ว งอกงามแล้ว ในเพราะกว-
ฬิงการาหารนั้น วิญญาณก็ตั้งมั่นแล้ว งอกงามแล้วในที่ใด ความ
หยั่งลงแห่งนามรูปก็มีอยู่ในที่นั้น ความหยั่งลงแห่งนามรูปก็มีอยู่
ในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายมีอยู่ในที่นั้น ความเจริญ
แห่งสังขารทั้งหลายมีอยู่ในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็มีอยู่
ในที่นั้น การเกิดในภพใหม่ไปมีอยู่ในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ
ก็ยังมีอยู่ต่อไปในที่นั้น ชาติ ชรา มรณะ ยังมีอยู่ต่อไปในที่ใด

1. อํ ติก. 20/506. 2. สํ. นิ. 16/246.

เรากล่าวว่า ที่นั้นยังมีโศก ยังมีธุลี ยังมีความคับแค้น ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย หากว่า ความยินดี ความเพลิน ความอยาก ยังมีอยู่
ในผัสสาหาร... ในนโนสัญเจตนาหาร... ในวิญญาณาหาร ฯ ล ฯ
เรากล่าวว่าที่นั้นยังมีโศก ยังมีธุลี มีความมีความคับแค้น
ดังนี้2
เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า อนาคตมีอยู่ น่ะสิ
[388] ส. อนาคตมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย หากว่าความยินดี ความเพลิน ความอยาก ไม่มีอยู่ใน
กวฬิงการาหาร วิญญาณก็ไม่ตั้งมั่นแล้ว ไม่งอกงามแล้ว ในเพราะ
กวฬิงการาหารนั้น วิญญาณไม่ตั้งมั่นแล้ว ไม่งอกงามแล้วในที่ใด
ความหยั่งลงแห่งนามรูปก็ไม่มีอยู่ในที่นั้น ความหยั่งลงแห่งนาม
รูปไม่มีอยู่ในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีอยู่ในที่
นั้น ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายไม่มีอยู่ในที่ใด การเกิดใน
ภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีอยู่ในที่นั้น การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีอยู่
ในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็ไม่มีต่อไปในที่นั้น ชาติ ชรา มรณะ
ไม่มีต่อไปในที่ใด เรากล่าวว่า ที่นั้นไม่มีโศก ไม่มีธุลี ไม่มีความ
คับแค้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากว่า ความยินดี ความเพลิน

ความหยาก ไม่มีอยู่ในผัสสาหาร... ในมโนสัญเจตนาหาร...
ในวิญญาณาหาร ฯลฯ เรากล่าวว่าที่นั้นไม่มีโศก ไม่มีธุลีไม่มีความ
คับแค้น
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า อนาคตก็มีอยู่ น่ะสิ
สัพพมัตถีติกถา จบ

อรรถกถาสัพพมัตตถีติวาทกถา


ว่าด้วยสิ่งทั้งปวงมีอยู่


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องวาทะว่าสิ่งทั้งปวงมีอยู่. ในปัญหานั้น ชน
เหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายสัพพมัตถีติวาทะทั้งหลาย ในที่นี้ว่า
ธรรมทั้งหลายอันต่างด้วยอดีตเป็นต้นแม้ทั้งปวง ย่อมไม่เว้นซึ่งสภาพ
แห่งขันธ์ เพราะพระบาลีว่า รูปอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต คือ
ล่วงไปแล้วก็ดี เป็นอนาคต คือยังไม่มาถึงก็ดี เป็นปัจจุบัน คือเกิด
ขึ้นอยู่เฉพาะหน้าก็ดี ฯลฯ นี้ พระตถาคต ตรัสเรียกว่า รูปขันธ์ ดังนี้
เป็นต้น เพราะฉะนั้น สิ่งทั้งปวงจึงชื่อว่ามีอยู่นั้นแหละ ดังนี้ เพื่อชำระ
ลัทธิอันเห็นผิดของชนเหล่านั้น สกวาทีจึงถามว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่
หรือ
คำตอบรับรองเป็นของปรวาที เพราะตั้งอยู่ในทิฏฐิมีประการ
ดังกล่าวแล้ว.
คำว่า ในสรีระทั้งปวงหรือ อธิบายว่า สกวาที่ย่อมถามด้วย
คำว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่ในสรีระทั้งปวงหรือ. คำว่า มีอยู่ในกาลทั้งปวง