เมนู

โอธิโสกถา


[279] สกวาที บุคคลละกิเลสได้เป็นส่วน ๆ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นทุกข์ ?
ป. ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส และ
บรรดากิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระโสดาบันแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระโสดบัน ส่วนหนึ่งบรรลุ . . . ได้เฉพาะ. . . ถึงทับ. . .
ทำให้แจ้ง... เข้าถึงอยู่ . . . ถูกต้องด้วยกายอยู่ . . . ซึ่งโสดาปัตติผล แต่อีก
ส่วนหนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ ซึ่งโสดาปัตติผล ส่วนหนึ่งเป็นพระ
โสดาบันผู้สัตตขัตตุปรมะ. . . ผู้โกลังโกละ. . . ผู้เอกพีชี. . . ประกอบ
ด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ฯลฯ ในพระธรรม ฯลฯ
ในพระสงฆ์... ประกอบด้วยอริยกันตศีล แต่อีกส่วนหนึ่งไม่ประกอบ
ด้วยอริยกันตศีล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ละ
อะไรไดด้วยการเห็นสมุทัย ?
ป. ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรมาส และ
บรรดากิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระโสดาบันแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน

หนึ่ง ไม่เป็นพระโสดาบัน ฯ ล ฯ ส่วนหนึ่งประกอบด้วยอริยกันตศีล
แต่อีกส่วนหนึ่งไม่ประกอบด้วยอริยกันตศีล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นนิโรธ ?
ป. ละวิจิกิจฉา สีลัพพตปรมาส และบรรดากิเลส
พวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระโสดาบันแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระโสดาบัน ฯ ล ฯ ส่วนหนึ่งประกอบด้วยอริยกันตศีล แต่
อีกส่วนหนึ่งไม่ประกอบด้วยอริยกันตศีล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นมรรค ?
ป. ละสีลัพพตปรามาส และบรรดากิเลสพวกเดียว
กันได้.
ส. บุคคลเป็นโสดาบันแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง
ไม่เป็นโสดาบัน ส่วนหนึ่งบรรลุ . . . ได้เฉพาะ. . . ถึงทับ . . . ทำให้
แจ้ง. . . เข้าถึงอยู่ . . . ถูกต้องด้วยกายอยู่ ซึ่งโสดาปัตติผล แต่อีกส่วน
หนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งโสดาปัตติผล ส่วนหนึ่งเป็นพระโสดาบันผู้
สัตตขัตตุปรมะ...ผู้โกลังโกละ...ผู้เอกพีชี ประกอบด้วยความเลื่อมใส
อันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า. . . ในพระธรรม. . . ในพระสงฆ์ ฯลฯ

ประกอบด้วยอริยกันตศีล แต่อีกส่วนหนึ่งไม่ประกอบด้วยอริยกันตศีล
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[280] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นทุกข์ ?
ป. ละกามราคะอย่างหยาบ พยาบาทอย่างหยาบ
และบรรดากิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระสกทาคามีแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระสกทาคามี ส่วนหนึ่งบรรลุ. . . ได้เฉพาะ. . . ถึงทับ. . .
ทำให้แจ้ง. . . เข้าถึงอยู่ . . . ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งสกทาคามิผล แต่อีก
ส่วนหนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล
ละอะไรได้ด้วยการเห็นสมุทัย ?
ป. ละกามราคะอย่างหยาบ พยาบาทอย่างหยาบ
และบรรดากิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระสกทาคามีแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระสกทาคามี ส่วนหนึ่งบรรลุ . . . ได้เฉพาะ. . . ทำให้แจ้ง. . .
เข้าถึงอยู่ . . . ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งสกทาคามิผล แต่อีกส่วนหนึ่งไม่ถูก
ต้องด้วยกายอยู่ซึ่งสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นนิโรธ ?
ป. ละพยาบาทอย่างหยาบ และบรรดากิเลสพวก
เดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระสกทาคามีแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระสกทาคามี ส่วนหนึ่งบรรลุ. . . ได้เฉพาะ ... ถึงทับ...
ทำให้แจ้ง... เข้าถึงอยู่... ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งสกทาคามิผล แต่อีก
ส่วนหนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นมรรค ?
ป. ละพยาบาทอย่างหยาบ และบรรดากิเลสพวก
เดียวกันได้.
ส. บุคคลเป็นพระสกทาคามีแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระสกทาคามี ส่วนหนึ่งบรรลุ ... ได้เฉพาะ ... ถึงทับ ...
ทำให้แจ้ง...เข้าถึงอยู่... ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งสกทาคามิผล แต่อีก
ส่วนหนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายซึ่งสกทาคามิผล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[281] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นทุกข์ ?
ป. ละกามราคะอย่างละเอียด พยาบาทอย่างละ

เอียด และบรรดากิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระอนาคามีแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระอนาคามี ส่วนหนึ่งบรรลุ ... ได้เฉพาะ... ถึงทับ...
ทำให้แจ้ง... เข้าถึงอยู่... ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอนาคามิผล แต่อีก
ส่วนหนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอนาคามิผล ส่วนหนึ่งเป็นพระอนาคามี
ผู้อันตราปรินิพพายี... ผู้อุปหัจจปรินิพพายี... ผู้อสังขารปรินิพพายี
... ผู้สังขารปรินิพพายี... ผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี อีกส่วนหนึ่งไม่
เป็นพระอนาคามีผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นสมุทัย ?
ป. ละกามราคะอย่างละเอียด พยาบาทอย่างละเอียด
และกิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระอนาคามีแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระอนาคามี ฯลฯ ส่วนหนึ่งเป็นพระอนาคามีผู้อุทธังโสโต-
อกนิฏฐคามี อีกส่วนหนึ่งไม่เป็นพระอนาคามี ผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นนิโรธ ?
ป. ละพยาบาทอย่างละเอียด และบรรดากิเลสพวก

เดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระอนาคามีแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระอนาคามี ฯ ล ฯ ส่วนหนึ่งเป็นพระอนาคามีผู้อุทธังโสโต
อกนิฏคามี แต่อีกส่วนหนึ่งไม่เป็นพระอนาคามีผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นมรรค ?
ป. ละบรรดากิเลสพวกเดียวกันได้.
ส. บุคคลเป็นพระโสดาบันแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระอนาคามี ส่วนหนึ่งบรรลุ ... ได้เฉพาะ... ถึงทับ...
ทำให้แจ้ง ... เข้าถึงอยู่ ... ถูกต้องด้วยกายอยูซึ่งอนาคามิผล อีกส่วน
หนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอนาคามิผล ส่วนหนึ่งเป็นพระอนาคามี
ผู้อันตราปรินิพพายี... ผู้อุปหัจจปรินิพพายี... ผู้อสังขารปรินิพพายี...
ผู้สสังขารปรินิพพายี... ผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี แต่อีกส่วนหนึ่งไม่
เป็นพระอนาคามีผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[282] ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นทุกข์ ?
ป. ละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา
และบรรดากิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.

ส. บุคคลเป็นพระอรหัตแต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง
ไม่เป็นพระอรหัต ส่วนหนึ่งบรรลุ . . . ได้เฉพาะ. . . ถึงทับ. . . ทำให้
แจ้ง. . . เข้าถึงอยู่. . . ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอรหัตผล แต่อีกส่วนหนึ่ง
ไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอรหัตผล ส่วนหนึ่งเป็นผู้ปราศจากราคะโทสะ
โมหะแล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระแล้ว บรรลุประโยชน์
ตนแล้ว มีเครื่องผูกไว้ในภพสิ้นไปรอบแล้ว พ้นวิเศษแล้ว เพราะรู้ชอบ
มีลิ่มอันยกขึ้นแล้ว มีคูอันกลบแล้ว มีเสาระเนียดอันถอนขึ้นแล้ว เป็น
ผู้ที่ไม่มีลิ่มสลัก เป็นอริยะ ลดธง คือมานะ แล้ว มีภาระอันวางแล้ว
หมดเครื่องผูกพันแล้ว มีชัยชนะอย่างดีวิเศษแล้ว ท่านกำหนดรู้ทุกข์
แล้ว ละสมุทัยแล้ว ทำนิโรธให้แจ้งแล้ว ยังมรรคให้เกิดแล้ว รู้ยิ่งซึ่ง
ธรรมที่ควรรู้ยิ่งแล้ว กำหนดรู้ธรรมที่ควรกำหนดรู้แล้ว ละธรรมที่ควร
ละแล้ว บำเพ็ญธรรมที่ควรบำเพ็ญแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้
แจ้งแล้ว ส่วนหนึ่งทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้ว แต่อีกส่วน
หนึ่งยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นสมุทัย ?
ป. ละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา
และบรรดากิเลสพวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระอรหันต์แต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระอรหันต์ ฯ ล ฯ ส่วนหนึ่งทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้

แจ้งแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นทุกข์ ?
ป. ละมานะ อุทธัจจะ อวิชชา และบรรดากิเลส
พวกเดียวกันส่วนหนึ่งได้.
ส. บุคคลเป็นพระอรหันต์แต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง
ไม่เป็นพระอรหันต์ ฯ ล ฯ ส่วนหนึ่งทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง
แล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล ละ
อะไรได้ด้วยการเห็นมรรค ?
ป. ละอุทธัจจะ อวิชชา และบรรดากิเลสพวกเดียว
กันได้.
ส. บุคคลเป็นพระอรหันต์แต่ส่วนหนึ่ง อีกส่วน
หนึ่งไม่เป็นพระอรหันต์ ส่วนหนึ่งบรรลุ ... ได้เฉพาะ... ถึงทับ...
ทำให้แจ้ง ... เข้าถึงอยู่ ... ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอรหัตผล แต่อีกส่วน
หนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอรหัตผล ส่วนหนึ่งเป็นผู้ปราศจากราคะ
โทสะโมหะแล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระแล้ว บรรลุประโยชน์
ตนแล้ว มีเครื่องผูกไว้ในภพสิ้นไปรอบแล้ว พ้นวิเศษแล้ว เพราะรู้ชอบ
มีลิ่มอันยกขึ้นแล้ว มีดอันกลบแล้ว มีเสาระเนียดอันถอนขึ้นแล้ว เป็น

ผู้ไม่มีลิ่มสลัก เป็นอริยะ ลดธง คือมานะ แล้ว วางภาระแล้ว
หมดเครื่องผูกพันแล้ว มีชัยชนะอย่างดีวิเศษแล้ว ท่านกำหนดรู้ทุกข์
แล้ว ละสมุทัยแล้ว ทำนิโรธให้แจ้งแล้ว ยังมรรคให้เกิดแล้ว รู้ยิ่งซึ่ง
ธรรมที่ควรรู้ยิ่งแล้ว กำหนดรู้ธรรมที่ควรกำหนดรู้แล้ว ละธรรมที่ควร
ละแล้ว บำเพ็ญธรรมที่ควรบำเพ็ญแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้
แจ้งแล้ว ส่วนหนึ่งทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้ว แต่อีกส่วน
หนึ่งยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[283] ป. ไม่พึงกล่าวว่าบุคคลละกิเลสได้เป็นส่วน ๆ หรือ
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ผู้มีปัญญาพึง
กำจัดมลทินของตนทีละน้อย ๆ ทุกขณะโดยลำดับ เหมือนช่าง
ทองกำจัดมลทินทองฉะนั้น
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริงมิใช่ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว
ป. ถ้าอย่างนั้น บุคคลก็ละกิเลสได้เป็นส่วน ๆ น่ะสิ.
[284] ส. บุคคลละกิเลสได้เป็นส่วนๆ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า พร้อมกับการ
ถึงพร้อมด้วยทัสสนะของท่านได้แก่พระโสดาบัน ท่านละธรรม 3

1. ขุ. ธ. 24/28

อย่างได้ คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส ที่ยัง
มีอยู่แม้หน่อยหนึ่ง ท่านก็พ้นจากอบายภูมิ 4 เป็นผู้ไม่ควรเพื่อ
จะทำอภิฐานหก
ดังนี้1 เป็นสูตรสีอยู่จริงมิใช่ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าว บุคคลละกิเลสได้
เป็นส่วน ๆ น่ะสิ.
[285] ส. บุคคละกิเลสได้เป็นส่วน ๆ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิภษุ
ทั้งหลาย ในสมัยใด ธรรมจักษุปราศจากผงฝ้าเกิดขึ้นแล้ว แก่
อริยสาวกว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีอันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมด
มีอันดับไปเป็นธรรมดา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พร้อมกับการเกิด
ขึ้นแห่งทัสสนะนั้น อริยสาวกละสัญโญชน์ 3 ประการได้ คือ
สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริงใช่
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลละกิเลสได้
เป็นส่วน ๆ น่ะสิ
โอธิโสกถา จบ
1. ขุ. ขุ. 25/7.

อรรถกถาโอธิโสกถา


ว่าด้วยการละกิเลสบางส่วน


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องบางส่วน. ในปัญหานั้น ชนเหล่าใดย่อม
ปรารถนาการละกิเลสได้บางส่วน ๆ คือ โดยส่วนหนึ่ง ๆ จากการเห็น
ทุกข์เป็นต้นด้วยสามารถแห่งการตรัสรู้ต่าง ๆ แห่งพระโสดาบันเป็นต้น
ดุจนิกายสมิติยะทั้งหลายในขณะนี้ เพื่อจะทำลายลัทธินิกายเหล่านั้น
สกวาทีถึงถามว่า บุคคลละกิเลสได้เป็นบางส่วนหรือ คำรับรอง
ว่าใช่ เป็นของปรวาที. การซักถามอีกเป็นของสกวาที. คำปฏิเสธเป็น
ของปรวาที เพราะไม่มีความเป็นพระโสดาบัน เป็นต้น โดยเอกเทศ
คือบางส่วน. บัณฑิตพึงทราบเนื้อความในวาระทั้งปวงโดยอุบายนี้.
อรรถกถาโอธิโสกถา จบ