เมนู

กัลยาณวรรค1


[122] ป. ท่านหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ท่านหยั่งเห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่วหรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[123] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้ทำ ผู้สร้างบุคคลนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้ทำ ผู้สร้างบุคคลนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ
ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ ก็ไม่มี
แก่บุคคลนั้น ๆ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[124] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
1. ตอนนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า " ปุริสการานุโยค "

ส. เพราะหยั่งเห็นบุคคล ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้ทำ
ผู้สร้างบุคคล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[125] ส. เพราะหยั่งเป็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นนิพพาน ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้ทำ
ผู้สร้างนิพพาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[126] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างธรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นมหาปฐพี ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ สร้างมหาปฐพี หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[127] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นมหาสมุทร ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
ผู้ทำ ผู้สร้างมหาสมุทร หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[128] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นขุนเขาสิเนรุ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
ผู้ทำ ผู้สร้างขุนเขาสิเนรุ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[129] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นน้ำ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้ทำ ผู้
สร้างน้ำ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[130] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นไฟ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้ทำ ผู้
สร้างไฟ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[131] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นลม ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้ทำ ผู้
สร้างลม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[132] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า
ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้ทำ ผู้สร้างหญ้า ไม้ และ
ต้นไม้เจ้าป่า หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[133] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กรรมดีกรรมชั่วเป็นอื่น ผู้ทำ ผู้สร้างกรรมดี
กรรมชั่ว ก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[134] ป. ท่านหยั่งเห็นวิบากของกรรมดีกรรมชั่ว หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ท่านหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยวิบากของกรรมดี

กรรมชั่ว หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะหยั่งเห็นวิบากของกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้น
จึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยวิบากของกรรมดีกรรม-
ชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยวิบากนั้นหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยวิบากนั้นหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ
ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ก็ไม่มี แก่
บุคคลนั้น ๆ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะหยั่งเห็นวิบากของกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้น
จึงเห็นบุคคลผู้เสวยวิบากของกรรมดีกรรมชั่ว
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นบุคคล ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้เสวย
บุคคล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

ส. เพราะหยั่งเห็นวิบากของกรรมชั่ว ฉะนั้น
จึงเห็นบุคคลผู้เสวยวิบากของกรรมดี กรรมชั่ว
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นนิพพาน ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้
เสวยนิพพาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะหยั่งเห็นวิบากของกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้น
จึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยวิบากของกรรมดีกรรม
ชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นมหาปฐพี เพราะหยั่งเห็นมหา-
สมุทร เพราะหยั่งเห็นขุนเขาสิเนรุ เพราะหยั่งเห็นน้ำ เพราะหยั่ง
เห็นไฟ เพราะหยั่งเห็นลม ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็นหญ้า ไม้ และต้นไม้
เจ้าป่า ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยหญ้า ไม้และต้นไม้เจ้าป่า หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะหยั่งเห็นวิบากของกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้น
จึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยวิบากของกรรมดีกรรม-
ชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิบากของกรรมดีและกรรมชั่วเป็นอื่น บุคคลผู้

เสวยวิบากของกรรมดีกรรมชั่วก็เป็นอื่นหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[135] ป. ท่านหยั่งเห็นสุขอันเป็นทิพย์ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ท่านหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยสุขอันเป็นทิพย์หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[136] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขอันเป็นทิพย์ ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยสุขอันเป็นทิพย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยสุขอันเป็น
ทิพย์นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยสุขอันเป็น
ทิพย์นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ
ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ ก็ไม่มี
แก่บุคคลนั้น ๆ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[137] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขอันเป็นทิพย์ ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยสุขอันเป็นทิพย์ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นบุคคลฉะนั้นจึงเห็นผู้เสวยบุคคล
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[138 ] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขอันเป็นทิพย์ ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยสุขอันเป็นทิพย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นนิพพาน ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคล
ผู้เสวยนิพพาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[139] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขอันเป็นทิพย์ ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยสุขอันเป็นทิพย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นมหาปฐพี ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็น
มหาสมุทร เพราะหยั่งเห็นขุนเขาสิเนรุ เพราะหยั่งเห็นน้ำ เพราะ
หยั่งเห็นไฟ เพราะหยั่งเห็นลม ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็นหญ้า ไม้ และ
ต้นไม้เจ้าป่า ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[140] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขอันเป็นทิพย์ ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยสุขอันเป็นทิพย์ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. สุขอันเป็นทิพย์เป็นอื่น บุคคลผู้เสวยสุขอันเป็น
ทิพย์ก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[141] ป. ท่านหยั่งเห็นสุขของมนุษย์ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ท่านหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยสุขของมนุษย์ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[142] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขของมนุษย์ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
บุคคลผู้เสวยของมนุษย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยสุขของมนุษย์
นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยสุขของมนุษย์
นั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ
ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ก็ไม่มี แก่
บุคคลนั้นๆ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[143] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขของมนุษย์ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
เห็นบุคคลผู้เสวยสุขของมนุษย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นบุคคล ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้เสวย
บุคคล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[144] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขของมนุษย์ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
บุคคลผู้เสวยสุขของมนุษย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นนิพพาน ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคล
ผู้เสวยนิพพาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[145] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขของมนุษย์ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
บุคคลผู้เสวยสุขของมนุษย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นมหาปฐพี ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็น
มหาสมุทร เพราะหยั่งเห็นขุนเขาสิเนรุ เพราะหยั่งเห็นน้ำ เพราะ
หยั่งเห็นไฟ เพราะหยั่งเห็นลม ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็นหญ้า ไม้ และ
ต้นไม้เจ้าป่า ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[146] ส. เพราะหยั่งเห็นสุขของมนุษย์ ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
บุคคลผู้เสวยสุขของมนุษย์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สุขของมนุษย์เป็นอื่น บุคคลผู้เสวยสุขของ
มนุษย์ก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[147] ป. ท่านหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในอบาย หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ท่านหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในอบายหรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[148] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในอบาย ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในอบาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีใน
อบาย หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีใน
อบายนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ

ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ ก็ไม่มี
แก่บุคคลนั้น ๆ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[149] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ในอบาย ฉะนั้นจึงหยั่งเห็น
บุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในอบาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นบุคคล ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้เสวย
บุคคล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[150] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในอบาย ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในอบาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นนิพพาน ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคล
ผู้เสวยนิพพาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[151] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในอบาย ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในอบาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นมหาปฐพี ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็น
มหาสมุทร เพราะหยั่งเห็นขุนเขาสิเนรุ เพราะหยั่งเห็นน้ำ เพราะ

หยั่งเห็นไฟ เพราะหยั่งเห็นลม ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็นหญ้า ไม้ และ
ต้นไม้เจ้าป่า ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[152] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในอบาย ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในอบาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทุกข์ที่มีในอบายเป็นอื่น บุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มี
ในอบายก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[153] ป. ท่านหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในนรก หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ท่านหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในนรกหรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[154] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในนรก ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในนรก หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีใน
นรกนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ท่านหยั่งเห็นผู้เสวย บุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีใน

นรกนั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ
ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ ก็ไม่มีก็บุคคลนั้น ฯลฯ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[155] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในนรก ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในนรก หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นบุคคล ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นผู้เสวย
บุคคล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[156] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในนรก ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในนรก หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะหยั่งเห็นนิพพาน ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคล
ผู้เสวยนิพพาน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[157] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในนรก ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในนรก หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. เพราะหยั่งเห็นมหาปฐพี ฯ ล ฯ เพราะหยั่งเห็น
มหาสมุทร เพราะหยั่งเห็นขุนเขาสิเนรุ เพราะหยั่งเห็นน้ำ เพราะ
หยั่งเห็นไฟ เพราะหยั่งเห็นลม เพราะหยั่งเห็นหญ้า ไม้ และต้นไม้
เจ้าป่า ฉะนั้นจึงหยั่งเห็นบุคคลผู้เสวยหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[158] ส. เพราะหยั่งเห็นทุกข์ที่มีในนรก ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มีในนรก หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทุกข์ที่มีในนรกเป็นอื่น บุคคลผู้เสวยทุกข์ที่มี
ในนรกก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[159] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เป็นผู้ทำ ผู้สร้าง ผู้เสวยวิบากของกรรมดี
กรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นทำ บุคคลนั้นเองเสวย หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลนั้นทำ บุคคลนั้นเองเสวย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สุขและทุกข์ตัวทำเอง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[160] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นผู้ทำ ผู้สร้าง ผู้เสวยวิบากของกรรมดี
กรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลอื่นทำ บุคคลอื่นเสวย หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลอื่นทำ บุคคลอื่นเสวย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สุขและทุกข์บุคคลอื่นทำให้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[161] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีและกรรมชั่ว ฉะนั้นจึง
หยั่งเห็นผู้ทำ ผู้สร้าง ผู้เสวยวิบากกรรมดี
กรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นและบุคคลอื่นทำ บุคคลนั้นและบุคคล
อื่นเสวย หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลนั้นและบุคคลอื่นทำ บุคคลนั้นและบุคคล
อื่นเสวย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สุขและทุกข์ตัวทำเองด้วยคนอื่นทำให้ด้วยหรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[162] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้ทำ ผู้สร้าง ผู้เสวยวิบากกรรมดี
กรรมชั่ว หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นทำก็หาไม่ บุคคลนั้นเองเสวยก็หาไม่
บุคคลอื่นทำก็หาไม่ บุคคลอื่นเสวยก็หาไม่หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลนั้นทำก็หาไม่ บุคคลนั้นเองเสวยก็หาไม่
บุคคลอื่นทำก็หาไม่บุคคลอื่นเสวยก็หาไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สุขละทุกข์อาศัยสภาพที่มิใช่การทำของตนเอง
ไม่ใช่การทำของคนอื่นเกิดขึ้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[163] ส. เพราะหยั่งเห็นกรรมดีกรรมชั่ว ฉะนั้นจึงหยั่ง
เห็นบุคคลผู้ทำ ผู้สร้าง ผู้เสวยกรรมดีกรรมชั่ว
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นทำ บุคคลนั้นเองเสวย บุคคลอื่นทำ
บุคคลอื่นเสวย บุคคลนั้นและบุคคลอื่นทำ บุคคลนั้นและบุคคลอื่น

เสวย บุคคลนั้นทำก็หาไม่ บุคคลนั้นเองเสวยก็หาไม่ บุคคลอื่นทำก็
หาไม่ บุคคลอื่นเสวยก็หาไม่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลนั้นทำ บุคคลนั้นเองเสวย บุคคลอื่นทำ
บุคคลอื่นเสวย บุคคลนั้นและบุคคลอื่นทำ บุคคลนั้นและบุคคลอื่น
เสวย บุคคลนั้นทำก็หาไม่ บุคคลนั้นเองเสวยก็หาไม่ บุคคลอื่นทำก็
หาไม่ บุคคลอื่นเสวยก็หาไม่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สุขและทุกข์ตัวทำเอง สุขและทุกข์คนอื่นทำให้
สุขและทุกข์ตัวทำเองด้วย คนอื่นทำให้ด้วย สุขและทุกข์อาศัยสภาพที่
มิใช่การทำของตนเอง มิใช่การทำของบุคคลอื่นเกิดขึ้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[164] ป. กรรมมีอยู่ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลผู้ทำกรรมก็มีอยู่ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะกรรมมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้ทำกรรมจึงมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้สร้างบุคคลผู้ทำกรรมนั้นก็มีอยู่ หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ผู้สร้างบุคคลผู้ทำกรรมนั้นก็มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ
ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ก็ไม่มี แก่
บุคคลนั้นๆ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เพราะกรรมมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้ทำกรรมจึงมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะบุคคลมีอยู่ ฉะนั้นผู้สร้างบุคคลจึงมีอยู่
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เพราะกรรมมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้ทำกรรมจึงมีอยู่
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะนิพพานมีอยู่ ฉะนั้นผู้สร้างนิพพานจึงมี
อยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะกรรมมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้ทำกรรมจึงมีอยู่
หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะมหาปฐพีมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะมหาสมุทร
มีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะขุนเขาสิเนรุมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะน้ำมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะ
ไฟมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะลมมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า
มีอยู่ ฉะนั้น ผู้สร้างหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า จึงมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะกรรมมีอยู่ บุคคลผู้ทำกรรมจึงมีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กรรมเป็นอื่น บุคคลผู้ทำกรรมก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. วิบากมีอยู่ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลผู้เสวยวิบากมีอยู่ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะวิบากมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้เสวยวิบากจึง
มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้เสวยบุคคลผู้เสวยวิบากนั้นมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ผู้เสวยบุคคลผู้เสวยวิบากนั้นมีอยู่ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. การทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่มี ความขาดแห่งวัฏฏะ
ก็ไม่มี ความดับรอบอย่างหาเชื้อมิได้ก็ไม่มี
แก่บุคคลนั้น ๆ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะวิบากมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้เสวยวิบากจึง
มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะบุคคลมีอยู่ ฉะนั้นผู้เสวยบุคคลจึงมีอยู่
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะวิบากมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้เสวยวิบากจึง
มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เพราะนิพพานมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้เสวยนิพพาน
จึงมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เพราะวิบากมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้เสวยวิบากจึง
มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. เพราะมหาปฐพีมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะมหาสมุทร
มีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะขุนเขาสิเนรุมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะน้ำมีอยู่ ฯลฯ เพราะ
ไฟมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะลมมีอยู่ ฯ ล ฯ เพราะหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่า
มีอยู่ ฉะนั้นผู้เสวยหญ้า ไม้ และต้นไม้เจ้าป่าจึงมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่ารอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เพราะวิบากมีอยู่ ฉะนั้นบุคคลผู้เสวยวิบากจึง
มีอยู่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิบากเป็นอื่นบุคคลผู้เสวยวิบากก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ คำที่เหลือท่านย่อไว้.
กัลยาณวรรค จบ

อรรถกถาปุริสการานุโยค


ว่าด้วยการซักถามการกระทำของบุคคล


บัดนี้ เป็นการซักถามถึงการทำของบุคคล ในปัญหานั้น คำ
ถามด้วยลัทธิว่า เมื่อกรรมมีอยู่ แม้ผู้ทำกรรมนั้นก็ต้องมีแน่นอน
ดังนี้ เป็นของปรวาที. คำตอบรับรองว่าใช่ เป็นของพระสกวาที เพราะ
ความที่กรรมทั้งหลายเช่นนั้นมีอยู่. คำถามอีกว่า ผู้ทำ ผู้ให้ทำกรรม
เป็นของสกวาที. บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า ผู้ทำ ได้แก่ ผู้ทำกรรม
ทั้งหลายเหล่านั้น. คำว่า ผู้ให้ทำกรรม ได้แก่ ผู้ให้ทำกรรมด้วย
อุบายทั้งหลาย มีการสั่งสมและการแสดงให้ทราบ เป็นต้น.