เมนู

คติอนุโยค


[76] ส. บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลก
อื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นเอง ท่องเที่ยวไปจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น
จากอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[77] ส. บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่น
สู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลอื่นท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลก
อื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[78] ส. บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลก
อื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นเองด้วย บุคคลอื่นด้วย ท่องเที่ยวไปจาก
โลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[79] ส. บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกอื่น จากโลกอื่น
สู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นเอง ก็มิได้ท่องเที่ยวไป บุคคลอื่นก็มิได้
ท่องเที่ยวไป จากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[80] ส. บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่น
สู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไป บุคคลอื่นท่องเที่ยวไป
บุคคลนั้นเองด้วย บุคคลอื่นด้วย ท่องเที่ยวไป บุคคลนั้นก็มิได้ท่องเที่ยว
ไป บุคคลอื่นก็มิได้ท่องเที่ยวไป จากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่นสู่โลก
นี้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[81] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลก
อื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า บุคคลนั้นท่อง
เที่ยวไปเจ็ดครั้งเป็นอย่างยิ่งแล้ว จะเป็นผู้ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
เพราะสิ้นสัญโญชน์ทั้งปวง1
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริงมิใช่หรือ ?
1. ขุ. อิติ. 25/202.

ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น บุคคลก็ท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลก
อื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ นะสิ.
[82] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลก
อื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย การท่องเที่ยวไปของสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูกพัน แล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่นี้ มีเบื้อง
ต้นเบื้องปลายที่ตามรู้ไม่ได้ เงื่อนต้นไม่ปรากฏ1 ดังนี้ เป็นสูตร
มีอยู่จริงมิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้นบุคคลก็ท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น
จากโลกอื่นสู่โลกนี้ น่ะสิ.
[83] ส. บุคคลท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่น
สู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
1. สํ. นิ. 16/421.

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บางคนเป็นมนุษย์แล้วเป็นเทวดาก็มีหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มนุษย์ก็คนนั้นแหละ เทวดาก็คนนั้นแหละ
ป. (เป็นคนเดียวกัน ) หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. มนุษย์ก็คนนั้นแหละ เทวดาก็คนนั้นแหละ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลเป็นมนุษย์แล้วเป็นเทวดา เป็นเทวดาแล้ว
เป็นมนุษย์ เป็นผู้เกิดเป็นมนุษย์ เทวดาเป็นอื่น ผู้เกิดเป็นมนุษย์ก็เป็น
อื่น ( เป็นคนละคน ) คำว่า บุคคลนั้นเอง ท่องเที่ยวไป นี้ผิด ฯ ล ฯ
ก็ถ้าว่า บุคคลท่องเที่ยวไปบุคคลนั้นเองเคลื่อนจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น ไม่
ใช่บุคคลอื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความตายก็จักไม่มี แม้ปาณาติบาตก็จะหยั่ง
เห็นไม่ได้ กรรมมีอยู่ ผลของกรรมมีอยู่ผลของกรรมทั้งหลายที่ทำแล้ว
มีอยู่ เมื่อกุศลและอกุศลให้ผลอยู่ คำว่า บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไป
นี้ผิด ฯ ล ฯ

ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บางคนเป็นมนุษย์แล้วเป็นยักษ์...เป็นเปรต...เป็น
สัตว์นรก...เป็นสัตว์เดียรฉาน...เป็นอูฐ... เป็นโค...เป็นลา...เป็นสุกร...
เป็นกระบือ ก็มีหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มนุษย์ก็คนนั้นแหละ กระบือก็คนนั้นแหละหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. มนุษย์ก็คนนั้นแหละ กระบือก็คนนั้นแหละหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลเป็นมนุษย์แล้วเป็นกระบือ เป็นกระบือ
แล้วเป็นมนุษย์ เป็นผู้เกิดเป็นมนุษย์ กระบือเป็นอื่น ผู้เกิดเป็นมนุษย์
ก็เป็นอื่น คำว่าบุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไป นี้ผิด ฯ ล ฯ ก็ถ้าว่าบุคคล
ท่องเที่ยวไป บุคคลนั้นเองเคลื่อนจากโลกนี้ ไปสู่โลกอื่น ไม่ใช่บุคคล
อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความตายก็จักไม่มี แม้ปาณาติบาตก็จะหยั่งเห็นไม่
ได้ กรรมมีอยู่ ผลของกรรมมีอยู่ ผลของกรรมทั้งหลายที่ทำแล้วมีอยู่
เมื่อกุศลและอกุศลให้ผลอยู่ คำว่า บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไป นี้ผิด ฯ ล ฯ
ส. บุคคลนั่นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้ สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. บางคนเป็นกษัตริย์แล้วเป็นพราหมณ์ ก็มีหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กษัตริย์ก็คนนั้นแหละ พราหมณ์ก็คนนั้นแหละ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บางคนเป็นกษัตริย์แล้วเป็นแพศย์...เป็นศูทร ก็มี
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กษัตริย์ก็คนนั้นแหละ ศูทรก็คนนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บางคนเป็นพราหมณ์แล้วเป็นแพศย์...เป็นศูทร...
เป็นกษัตริย์ ก็มีหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พราหมณ์ก็คนนั้นแหละ กษัตริย์ก็คนนั้นแหละ
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บางคนเป็นแพศย์แล้วเป็นศูทร...เป็นกษัตริย์...ไป
เป็นพราหมณ์ ก็มีหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. แพศย์ก็คนนั้นแหละ พราหมณ์ก็คนนั้นแหละ
หรือ ?
ป. ไม่พึงก็กล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บางคนเป็นศูทรแล้วเป็นกษัตริย์...เป็นพราหมณ์
...เป็นแพทย์ ก็มีหรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ศูทรก็คนนั้นแหละ แพศย์ก็คนนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. คนมือด้วนก็ไปเป็นคนมือด้วนเทียวหรือ...คนเท้า
ด้วยก็ไปเป็นคนเท้าด้วนเทียวหรือ... คนด้วนทั้งมือและเท้าก็ไปเป็นคน
ด้วนทั้งมือและเท้าเทียวหรือ... คนหูวิ่น... คนจมูกโหว่... คนทั้งหูวิ่นทั้ง
จมูกโหว่... คนนิ้วด้วน... คนนิ้วแม่มือด้วน... คนเอ็นใหญ่ขาด... คน
มือหงิก... คนมือแป... คนเป็นโรคเรื้อน... คนเป็นต่อม... คนเป็นโรค
กลาก... คนเป็นโรคมองคร่อ... คนเป็นโรคลมบ้าหมู...อูฐ... โค... ลา...
สุกร... กระบือ ก็ไปเป็นกระบือเทียว หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[84] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลก
นี้ สู่โลกอื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลผู้เป็นโสดาบัน เคลื่อนจากมนุษยโลกเข้า
ถึงเทวโลกแล้ว คงเป็นโสดาบันเทียวแม้ในเทวโลกนั้น มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า บุคคลผู้เป็นโสดาบันเคลื่อนจากมนุษยโลก
เข้าถึงเทวโลกแล้ว คงเป็นโสดาบันเทียวแม้ในเทวโลกนั้น ด้วยเหตุนั้น
นะท่านจึงต้องกล่าวว่า บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น
จากโลกอื่นสู่โลกนี้.
[85] ส. ท่านทำความตกลงแล้วว่า บุคคลผู้เป็นโสดาบัน
เคลื่อนจากมนุษยโลก เข้าถึงเทวโลกแล้ว คงเป็นโสดาบันเทียวแม้ใน
เทวโลกนั้น และด้วยเหตุนั้น จึงวินิจฉัยว่า บุคคลนั้นเทียวท่องเที่ยว
ไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ท่านได้ทำความตกลงว่า บุคคลผู้เป็นโสดาบัน
เคลื่อนจากมนุษยโลกเข้าถึงเทวโลกแล้ว คงเป็นมนุษย์แม้ในเทวโลก
นั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[86] ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ไม่เป็นอื่น ไม่แปรผัน ท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[87] ส. ไม่เป็นอื่น ไม่แปรผัน ท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. คนมือด้วนก็ไปเป็นคนมือด้วนเทียวหรือ... คน
เท้าด้วนก็ไปเป็นคนเท้าด้วนเทียวหรือ... คนด้วนทั้งมือและเท้าก็ไปเป็น
คนด้วนทั้งมือและเท้าเทียวหรือ... คนหูวิ่น... คนจมูกโหว่... คนทั้งหูวิ่น
จมูกโหว่... คนนิ้วด้วน... คนนิ้วแม่มือด้วน... คนเอ็นใหญ่ขาด... คน
มือหงิก... คนมือแป... คนเป็นโรคเรื้อน... คนเป็นต่อม... คนเป็น
โรคกลาก... คนเป็นโรคมองคร่อ... คนเป็นโรคลมบ้าหมู... อูฐ... โค...
ลา... สุกร... กระบือก็ไปเป็นกระบือเทียวหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[88] ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นผู้มีรูปท่องเที่ยวไป หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นผู้มีรูปท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นผู้มีเวทนา ฯ ล ฯ เป็นผู้มีสัญญา ฯ ล ฯ เป็นผู้
มีสังขาร ฯ ล ฯ เป็นผู้มีวิญญาณท่องเที่ยวไปหรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เป็นผู้มีวิญญาณท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[89] ส. บุคคลนั้นเองท่องเที่ยวไปจาก โลกนี้สู่โลกอื่น จาก
โลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นผู้ไม่มีรูปท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เป็นผู้ไม่มีรูปท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เป็นผู้ไม่มีเวทนา ฯ ล ฯ เป็นผู้ไม่มีสัญญา ฯ ล ฯ
เป็นผู้ไม่มีสังขาร ฯลฯ เป็นผู้ไม่มีวิญญาณท่อง-
เที่ยวไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เป็นผู้ไม่มีวิญญาณท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[90] ส. บุคคลนั้นแหละท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น
จากโลกอื่น สู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. รูปท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เวทนา ฯ ล ฯ สัญญา ฯ ล ฯ สังขาร ฯ ล ฯ
วิญญาณท่องเที่ยวไป หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิญญาณท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[91] ส. บุคคลนั้นแหละ ท่องเที่ยวไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น
จากโลกอื่นสู่โลกนี้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. รูปไม่ท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. รูปไม่ท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. เวทนา ฯ ล ฯ สัญญา ฯ ล ฯ สังขาร ฯ ล ฯ
วิญญาณ ไม่ท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. วิญญาณไม่ท่องเที่ยวไป หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ คำที่เหลือท่านย่อไว้.
ส. หากว่า บุคคลแตกดับไปในเมื่อขันธ์ทั้งหลายแตก
ดับไป ก็เป็นอุจเฉททิฏฐิ ที่พระพุทธเจ้าทรงเว้นขาดแล้ว หากว่า
บุคคลไม่แตกดับไปในเมื่อขันธ์ทั้งหลายแตกดับไป บุคคลก็จะเที่ยง
(และดังนั้น) จะเสมอเหมือนกับนิพพาน.
คติอนุโยค จบ

อรรถกถาคติอนุโยค


ว่าด้วยการซักถามเรื่องคติ


บัดนี้ เป็นการซักถามถึงจุติปฏิสนธิ โดยเฉพาะการเปลี่ยนคติ
คือ เปลี่ยนภพใหม่. ในปัญหานั้น ปุคคลวาที อาศัยพระสูตรทั้งหลาย
ว่า บุคคลท่องเที่ยวไปสิ้น 7 ชาติเป็นอย่างยิ่ง เป็นต้น แล้วถือเอา
ลัทธินั้นกล่าวว่า บุคคลท่องเที่ยวไป ดังนี้ เพราะฉะนั้น เพื่อจะทำลาย
ลัทธิของปุคคลวาทีนั้น สกวาทีจึงถามว่า บุคคลท่องเที่ยวไปหรือ ?
บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า ท่องเที่ยวไป ได้แก่ การท่องเที่ยว คือ
การไป ๆ มา ๆ ในสงสาร. คำตอบรับรอง เป็นของปรวาทีด้วยสามารถ
แห่งลัทธิของตน. แม้คำซักถามของสกวาที บุคคลนั้น เป็นต้น คำ
ปฏิเสธเป็นของปรวาที. ในปัญหานั้น คำว่า บุคคลนั้น อธิบายว่า
บุคคลนั่นแหละ. ก็สกวาทีประกอบคำถามอย่างนี้ปรวาทีจึงตอบปฏิเสธ
เพราะกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นสัสสตทิฏฐิ. ถูกถามว่า บุคคลอื่น ก็