เมนู

ปัญญัตตานุโยค


[68] ส. บุคคลชื่อว่ามีรูป เพราะรูปธาตุ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลชื่อว่ามีกาม เพราะกามธาตุ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[69] ส. สัตว์ทั้งหลายชื่อว่ามีรูป เพราะรูปธาตุ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์ทั้งหลายชื่อว่ามีกาม เพราะกามธาตุ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[70] ส. บุคคลชื่อว่าไม่มีรูป เพราะอรูปธาตุ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลชื่อว่ามีกาม เพราะกามธาตุ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[71] ป. สัตว์ทั้งหลายชื่อว่าไม่มีรูป เพราะอรูปธาตุ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. สัตว์ทั้งหลายชื่อว่ามีกาม เพราะกามธาตุ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
[72] ส. บุคคลชื่อว่ามีรูป เพราะรูปธาตุ บุคคลชื่อว่าไม่
มีรูป เพราะอรูปธาตุ และมีบางคนเคลื่อนจากรูปธาตุแล้ว เข้าถึงอรูป-
ธาตุ หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลมีรูป ขาดสูญไปแล้ว บุคคลไม่มีรูป เกิดขึ้น.
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[73] ส. สัตว์ทั้งหลายชื่อว่ามีรูป เพราะรูปธาตุ สัตว์-
ทั้งหลายชื่อว่าไม่มีรูป เพราะอรูปธาตุ และมีบางคนเคลื่อนจากรูปธาตุ
แล้ว เข้าถึงอรูปธาตุ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สัตว์มีรูป ขาดสูญไปแล้ว สัตว์ไม่มีรูปเกิดขึ้นใหม่
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ลฯ
[74] ส. บัญญัติว่ากายหรือว่าสรีระก็ดี ว่าสรีระหรือว่ากาย
ก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน
เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บัญญัติว่าบุคคลหรือว่าชีพก็ดี ว่าชีพหรือว่าบุคคล
ก็ดี รวมเพ่งถึงบุคคล บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียว
กัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. กายเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ส. ท่านจงรับรู้นิคคหะ, หากว่า บัญญัติว่ากายหรือว่า
สรีระก็ดี ว่าสรีระหรือว่ากายก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็
อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน
บัญญัติว่าบุคคลหรือว่าชีพก็ดี ว่าชีพหรือว่าบุคคลก็ดี รวมเพ่งถึงบุคคล
บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน
เหมือนกัน กายเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้อง
กล่าวว่า ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึง
กล่าวได้ว่า บัญญัติว่ากายหรือว่าสรีระก็ดี ว่าสรีระหรือกายก็ดี รวม
เพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน
เท่ากัน เหมือนกัน บัญญัติว่าบุคคลหรือว่าชีพก็ดี ว่าชีพหรือว่าบุคคล
ก็ดี รวมเพ่งถึงบุคคล บัญญัติทั้ง 2 ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอัน
เดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน กายเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอัน
แต่ไม่พึงกล่าวว่า ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึง
กล่าวว่า ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า บัญญัติว่ากาย
หรือว่าสรีระก็ดี ว่าสรีระหรือว่ากายก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2
นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน
บัญญัติว่าบุคคลหรือว่าชีพก็ดี ว่าชีพหรือว่าบุคคลก็ดี รวมเพ่งถึงบุคคล
บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน
เหมือนกัน กายเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า

พึงกล่าวได้ว่า บัญญัติว่ากายหรือว่าสรีระก็ดี ว่าสรีระหรือว่ากายก็ดี
รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน
เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน บัญญัติว่าบุคคลหรือว่าชีพก็ดี ว่าชีพ
หรือว่าบุคคลก็ดี รวมเพ่งถึงบุคคล บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน
มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน กายเป็นอื่น บุคคล
ก็เป็นอื่น แต่ไม่พึงกล่าวว่า ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯลฯ
[75] ป. บัญญัติว่ากายหรือว่าสรีระก็ดี ว่าสรีระหรือว่ากาย
ก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน
เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติ
เพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ดังนี้ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. กายเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น.
ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม, หากว่าบัญญัติว่ากายหรือว่า
สรีระก็ดี ว่าสรีระหรือว่ากายก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็
อย่างเดียวกัน มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่
ด้วยเหตุนั้นนี่ท่านจึงต้องกล่าวว่า กายเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น, ที่ท่าน
กล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า บัญญัติว่ากายหรือว่าสรีระก็ดี ว่า

สรีระหรือว่ากายก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ ก็อย่างเดียวกัน
มีอรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ไม่พึงกล่าวว่า
กายเป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด, แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า กายเป็นอื่น
บุคคลก็เป็นอื่น ก็ต้องไม่กล่าวว่า บัญญัติว่ากายหรือว่าสรีระก็ดี ว่าสรีระ
หรือว่ากายก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ ก็อย่างเดียวกัน. มี
อรรถอันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ ที่ท่านกล่าวใน
ปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า บัญญัติว่ากายหรือว่าสรีระก็ดี ว่าสรีระหรือ
ว่ากายก็ดี รวมเพ่งถึงกาย บัญญัติทั้ง 2 นี้ก็อย่างเดียวกัน มีอรรถ
อันเดียวกัน เสมอกัน เท่ากัน เหมือนกัน พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
ไว้ว่า บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตน มีอยู่ แต่ไม่พึงกล่าวว่า กาย
เป็นอื่น บุคคลก็เป็นอื่น ดังนี้ ผิด ฯ ล ฯ
ปัญญัตตานุโยค จบ

อรรถกถาปัญญัตตานุโยค


ว่าด้วยการซักถามเรื่องบัญญัติ


บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องการซักถามบัญญัติ. จริงอยู่ปุคคลวาทีบุคคล
ย่อมบัญญัติบุคคลมีรูปด้วยรูปธาตุ โดยทำนองเดียวกัน ย่อมบัญญัติ
บุคคลไม่มีด้วยอรูปธาตุ. คำถามแม้ทั้งปวงของพระสกวาทีก็เพื่อมุ่ง
ทำลายลัทธิของปุคคลวาทีบุคคลนั้น. คำตอบรับรองด้วย คำปฏิเสธ