เมนู

ความขัดเกลากิเลสอย่างเดียว เพราะอาศัยความต้องการด้วยข้อปฏิบัติอันงามนี้
อย่างเดียว.
บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุนี้ใด ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร เพราะอาศัย
ความปรารถนาน้อยอย่างเดียว เพราะอาศัยความสันโดษอย่างเดียว เพราะ
อาศัยความขัดเกลากิเลสอย่างเดียว เพราะอาศัยความต้องการด้วยข้อปฏิบัติอัน
งามนี้อย่างเดียว ภิกษุนี้เป็นผู้เลิศ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นประมุข เป็นผู้สูงสุด
และเป็นผู้ประเสริฐ บรรดาภิกษุผู้ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร 5 จำพวกเหล่านี้
น้ำนมเกิดจากแม่โค นมส้มเกิดจากน้ำนม เนยข้นเกิดจากนมส้ม เนยใสเกิดจาก
เนยข้น ก้อนเนยใสเกิดจากเนยใส บรรดาเภสัชเหล่านั้น ก้อนเนยใส ชาว
โลกกล่าวว่าเลิศ ชื่อแม้ฉันใด ภิกษุถือการอยู่ป่าเป็นวัตรนี้ใด เป็นผู้ถือ
บิณฑบาตเป็นวัตร เพราะอาศัยความปรารถนาน้อยอย่างเดียว เพราะอาศัยความ
สันโดษอย่างเดียว เพราะอาศัยความขัดเกลากิเลสอย่างเดียว เพราะอาศัยความ
ต้องการด้วยข้อปฏิบัติอันงามนี้อย่างเดียว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุนี้เป็นผู้
เลิศ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นประมุข เป็นผู้สูงสุด เป็นผู้ประเสริฐในภิกษุผู้ถือ
บิณฑบาตเป็นวัตร 5 จำพวกเหล่านี้.
ภิกษุ 5 จำพวกเหล่านี้ ชื่อว่าถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร.
จบบุคคล 5 จำพวก

อรรถกถาภิกษุผู้ถือการห้ามภัตที่เขานำมาถวายภายหลัง


เป็นวัตรเป็นต้น


แม้ในภิกษุผู้ถือการห้ามภัตที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตรเป็นต้น
ก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
อธิบายบุคคล 5 จำพวก จบเพียงเท่านี้


ฉักกนิเทส


ว่าด้วยบุคคล 4 จำพวก


[147] 1. บรรดาบุคคลเหล่านั้น บุคคลนี้ใด ตรัสรู้สัจจะทั้งหลาย
ด้วยตนเอง ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับนาแล้วในกาลก่อน ทั้งบรรลุ
ความเป็นสัพพัญญูในธรรมนั้นด้วย ทั้งถึงความชำนาญในธรรมเป็นกำลัง
ทั้งหลายด้วย บุคคลนั้น พึงเห็นว่าเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย
พระสัพพัญญุตญาณนั้น.
2. บุคคลนี้ใด ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรม
ทั้งหลายที่ไม่ได้สดับมาแล้วในกาลก่อน แต่มิได้บรรลุความเป็นสัพพัญญูใน
ธรรมนั้นด้วยทั้งมิได้ถึงความชำนาญในธรรมเป็นกำลังทั้งหลายด้วย บุคคลนั้น
พึงเห็นว่าเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยปัจเจกโพธิญาณนั้น.
3. บุคคลนี้ใด มิได้ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองใน
ธรรมทั้งหลายที่ไม่ได้สดับมาแล้วในกาลก่อน เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในทิฏฐ-
ธรรมเทียว ทั้งบรรลุสาวกบารมีด้วย บุคคลเหล่านั้น พึงเห็นว่าเป็น พระ-
สารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
ด้วยสาวกบารมีญาณนั้น
4. บุคคลนี้ใด มิได้ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรม
ทั้งหลายที่ไม่ได้สดับมาแล้วในกาลก่อน เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในทิฏฐธรรมเทียว
แต่ไม่บรรลุสาวกบารมี บุคคลเหล่านั้น พึงเห็นว่าเป็น พระอรหันต์ที่เหลือ
ด้วยการกระทำที่สุดแห่งทุกข์นั้น.
5. บุคคลนี้ใด มิได้ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรม
ทั้งหลายที่ไม่ได้สดับมาแล้วในกาลก่อน ทั้งมิได้กระทำที่สุดทุกข์ในทิฏฐธรรม
เทียวเป็นพระอนาคามี ไม่มาแล้วสู่ความเป็นอย่างนี้ บุคคลนั้น พึงเห็นว่า
เป็น พระอนาคามี ด้วยการไม่กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้นั้น.