เมนู

อรหัตมรรค คุณคือพระสัพพัญญุตญาณแม้ทั้งปวง ชื่อว่ามาแล้ว พระพุทธเจ้า
ได้แทงตลอดแล้ว กระทำให้ประจักษ์แล้ว ฉันนั้น เหมือนกัน.
คำว่า "อยํ วุจฺจติ" ความว่า บุคคลนี้ได้แก่ บุคคลผู้มีสัพพัญญูคุณ
อันแทงตลอดแล้วด้วยอริยมรรค โดยอานุภาพแห่งความสำเร็จแล้ว ด้วยบารมี
อันบริบูรณ์ด้วยประการฉะนี้ ท่านจึงเรียกว่า "สัมมาสัมพุทโธ".
จบอรรถกถาสัมมาสัมพุทธบุคคล

[39] ปัจเจกสัมพุทธบุคคล บุคคลผู้เป็นพระปัจเจกสัมพุทธะ
เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมตรัสรู้ซึ่งสัจจะทั้งหลายด้วยตนเอง ในธรรม
ทั้งหลายที่ตนไม่ได้สดับมาแล้วในกาลก่อน แต่มิได้บรรลุความเป็นพระสัพพัญญู
ในธรรมนั้น ทั้งไม่ถึงความเป็นผู้ชำนาญในธรรมอันเป็นกำลังทั้งหลาย บุคคล
นี้เรียกว่า พระปัจเจกสัมพุทธะ.

อรรถกถาปัจเจกสัมพุทธบุคคล



วินิจฉัย ในนิเทศแห่ง ปัจเจกสัมพุทธบุคคล. บัณฑิต พึงทราบเนื้อ
ความแห่งบทว่า "ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ" โดยนัยที่กล่าวไว้ในกาลก่อนนั่น
แหละ. แท้จริงพระปัจเจกพุทธเจ้า ในปัจฉิมภพ ก็ไม่มีใคร ๆ เป็นอาจารย์
ท่านแทงตลอดสัจธรรมทั้ง 4 ด้วยอัตตุกกังสิกญาณ คือ ญาณที่รู้เฉพาะตน
เองนั่นแหละ แต่หาได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ และ ทศพลญาณไม่.
จบอรรถกถาปัจเจกสัมพุทธบุคคล

[40] อุภโตภาควิมุตตบุคคล บุคคลชื่อว่า อุภโตภาควิมุต
เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แล้วสำเร็จอิริยาบถ
อยู่ ทั้งอาสวะของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา บุคคลนี้เรียกว่า
อุภโตภาควิมุต.

อรรถกถาอุภโตภาควิมุตตบุคคล


วินิจฉัยในนิเทศแห่ง อุภโตถาควิมุตตบุคคล. คำว่า "อฏฺฐ
วิโมกฺเข กาเยน วิหรติ"
ความว่า ได้สมาบัติ 8 ด้วยสหชาตนามกายแล้วอยู่.
คำว่า "ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา" ความว่า อาสวะทั้ง 4 สิ้นแล้ว เพราะ
เห็นความเป็นไปแห่งสังขารด้วยวิปัสสนาปัญญา เห็นสัจธรรมทั้ง 4 ด้วย
มรรคปัญญา. คำว่า "อยํ วุจฺจติ" ความว่า บุคคลนี้ คือ ผู้เห็นปานนี้ ท่าน
เรียกว่า อุภโตภาควิมุตตบุคคล. ก็บุคคลนี้ พ้นวิเศษแล้ว จากส่วนทั้ง 2 สิ้น
2 ครั้ง เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า อุภโตภาควิมุต แปลว่า ผู้พ้นวิเศษแล้ว
จากส่วนทั้ง 2 สิ้น 2 ครั้ง.
ข้อนี้ เถรวาทกล่าวไว้เป็นอุทาหรณ์ ดังต่อไปนี้
พระจุลนาคเถระ ผู้ทรงพระไตรปิฎก กล่าวไว้ก่อนว่า บุคคลใด
พ้นแล้วด้วยวิกขัมภนวิโมกขสมาบัติ และพ้นแล้วด้วยสมุจเฉทวิโมกขมรรค
เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า อุภโตกาควิมุตตบุคคล.
พระมหาธรรมรักขิตตเถระ ผู้ทรงพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า บุคคล
ผู้นี้ อาศัยนาม แล้วกล่าวว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อน อุปสีวะ
เปลวไฟ ถูกกำลังลมพัดแล้ว ย่อมดับไป ไม่เข้าถึงการนับได้ ฉันใด มุนี