เมนู

ฐเปตฺวา " ยกเว้นโดยความเป็นขันธ์ ดังนี้. สองบทว่า " จตูหิ ขนฺเธหิ "
ได้แก่ (สงเคราะห์ได้)ด้วยขันธ์สี่คือ รูป เวทนา สัญญา และสังขารขันธ์. เพราะ
ว่าธัมมายตนะเว้นนิพพานแล้ว นับสงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ทั้งหลาย มีรูปขันธ์เป็น
ต้น เหล่านี้. ส่วนอายตนะนั้น เว้นธัมมายตนะ และธัมมธาตุแล้ว นับสงเคราะห์
ไม่ได้ด้วยวิญญาณขันธ์ อายตนะและธาตุที่เหลือ. ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสไว้ว่า
" ธัมมายตนะ นับสงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 1 (คือ วิญญาณขันธ์) ด้วย
อายตนะ 11 (คือ โอฬาริกายตนะ 10 และมนายตนะ 1) ด้วยธาตุ 17
(คือ โอฬาริกธาตุ 10 และวิญญาณธาตุ 7)" ดังนี้. ก็นัยทั้งหลายที่มีรูปขันธ์
เป็นมูลในหนหลัง ฉันใด พึงทราบนัยทั้งหลาย ที่มีจักขวายตนะเป็นมูลแม้
ในที่นี้ ฉันนั้น. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงบาลีทุกะ (คือ เภทสุทธะ
และเภทเอกมูลาทิ) พอควรแล้ว จึงทำคำปุจฉาวิสัชนาโดย อเภทะ ว่า
" ทฺวาทสายตนานิ " ดังนี้ แม้ในธาตุนิทเทสก็นัยนี้นั่นแหละ.
จบอรรถกถาอายตนปทนิทเทสเป็นต้น

ธาตุนิทเทส


[27] จักขุธาตุ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร ?
จักขุธาตุ สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 1 อายตนะ 1 ธาตุ 1. สงเคราะห์ไม่ได้
ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร ? สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 4 อายตนะ
11 ธาตุ 17.