เมนู

[514] ธรรมเหล่าใด ประกอบไม่ได้ด้วยรูปาวจรธรรม อรูปา-
วจรธรรม นิยยานิกธรรม นิยตธรรม สรณธรรม
ธรรมเหล่านั้นยกเว้น
นิพพานโดยความเป็นขันธ์แล้ว สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ
18. สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร ไม่มีขันธ์ อายตนะ
ธาตุ อะไร ๆ ที่สงเคราะห์ไม่ได้.
[515] ธรรมเหล่าใด ประกอบไม่ได้ด้วยนรูปาวจรธรรม นอรูปา-
วจรธรรม อนิยยานิกธรรม อนิยตธรรม อสรณธรรม
ธรรมเหล่า
นั้น สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ อายตนะ ธาตุ เท่าไร ? ธรรมเหล่านั้น
สงเคราะห์ได้ด้วยขันธ์ 4 อายตนะ 2 ธาตุ 2. สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์
อายตนะ ธาตุ เท่าไร ? สงเคราะห์ไม่ได้ด้วยขันธ์ 1 อายตนะ 10 ธาตุ 16.

สรุปข้อธรรมดังกล่าวมาแล้ว


ธัมมายตนะ ธัมมธาตุ ชีวิตินทรีย์ นามรูป สฬายตนะ
ชาติ ชราและมรณะและใน 2 ติกะย่อม (แสดง) ไม่ได้.

ในหมวดแรก ได้ธรรม (ในจูฬันตรทุกะ) 7 บทและ (ในโคจฉกะ)
10 บท ในหมวดถัดมาได้ธรรม (ในมหันตรทุกะ) 14 บท ในหมวดสุดท้าย
ได้ธรรม (ในปิฏฐิทุกะ) 6 บท.
ธรรม 47 เหล่านี้ ดังพรรณนามาฉะนี้ (แสดงไม่ได้) ย่อมได้โดย
สมุจเฉท และโดยโมฆปุจฉกะ ฉะนี้แล.
จบวิปปยุตเตนสังคหิตาสังคหิตปทนิทเทส
ธาตุกถา จบบริบูรณ์

อรรถกถาวิปปยุตเตนสังคหิตาสังคหิตปทนิทเทส


บัดนี้ เพื่อจำแนก วิปปยุตเตนสังคหิตาสงัดหิตบท พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเริ่มคำว่า "รูปกฺขนฺเธน" เป็นอาทิ. ในนิทเทสนั้น
วิปปโยคะของบทเหล่าใด ที่มิได้ยกขึ้นมา (ในที่นี้) บทเหล่านั้น พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้ามิได้ทรงถือเอาในวาระนี้. ถามว่า ก็บทเหล่านั้น เป็นบทอะไร ตอบ
ว่าเป็นบทธัมมายตนะเป็นต้น. เพราะว่าวิปปโยคะ ย่อมไม่มีในธรรมทั้งหลาย
มีขันธ์เป็นต้นของธัมมายตนะ แม้สักบทเดียว. แม้ในธัมมธาตุเป็นต้น ก็นัย
นี้นั่นแหละ. บัณฑิตพึงทราบอุทานแห่งบทเหล่านั้นดังนี้.
"ธมฺมายตนํ ธมฺมธาตุ ชีวิตินฺทฺริยเมว จ
นามรูปปทญฺเจว สฬายตนเมว จ.
ชาติอาทิตฺตยํ เอกํ ปทํ วีสติเม ติเก
ติกาวสานิกํ เอกํ สตฺต จูฬนฺตเร ปทา.
ทเสว โคจฺฉเก โหนฺติ มหทนฺตรมฺหิ จุทฺทส
ฉ ปทานิ ตโต อุทฺธํ สพฺพานิปิ สมาสโต.
ปทานิ จ ลพฺภนฺติ จตฺตาฬีสญฺจ สตฺตธา".

แปลว่า
ธัมมายตนะ ธัมมธาตุ ชีวิตินทรีย์ นามรูป
สฬายตนะ ธรรมทั้ง 3 มีชาติเป็นต้น (คือ ชาติ ชรา
มรณะ) ในติกะที่ 20 บทหนึ่ง (คือ อัชฌัตตพหิทธบท)
บทสุดท้ายของติกะ 1 บท คือ (อนิทัสสนอัปปฏิฆบท)
ในจูฬันตรทุกะ 7 บท ในโคจฉกะ 10 บท ในมหันตร--