เมนู

มิลินทปัญหา


ทวินฺนํ พุทฺธานํ โลเก นุปฺปชฺชนปญฺหา
(ปัญหาว่าด้วย การไม่บังเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้า 2 พระองค์)
พระยามิลินท์ ตรัสถามว่า

ข้าแต่พระนาคเสน แม้พระพุทธพจน์
นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทราบภาษิตแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสองพระองค์ พึงบังเกิดขึ้นไม่ก่อนไม่หลัง พร้อมกันใน
โลกธาตุอันเดียว ด้วยเหตุใด เหตุนั้น ไม่ใช่ฐานะที่มีได้ ดังนี้ เพราะเหตุไร ?
พระนาคเสนเถระ ทูลว่า ขอถวายพระมหาบพิตร พระตถาคต
แม้ทั้งปวงเมื่อทรงแสดง ย่อมทรงแสดงธรรมทั้งหลายอันเป็นฝักฝ่ายแห่งปัญญา
เครื่องตรัสรู้ 37 ประการเท่านั้น (โพธิปักขิยธรรม 37) ก็เมื่อจะตรัส ย่อม
ตรัสอริยสัจทั้ง 4 ก็เมื่อจะให้ศึกษา ย่อมให้ศึกษาในสิกขาทั้ง 3 ก็เมื่อพร่ำสอน
สอน ย่อมพร่ำสอนในการปฏิบัติเพื่อความไม่ประมาท ดังนี้.
พระราชา ตรัสถามว่า ข้าแต่ท่านนาคเสน ถ้าว่าเทศนาของพระ-
ตถาคตแม้ทั้งปวงเป็นอย่างเดียวกัน กถาก็อย่างเดียวกัน สิกขาก็อย่างเดียวกัน
การพร่ำสอนก็อย่างเดียวกัน เพราะเหตุไร พระตถาคต 2 พระองค์ จึงไม่
บังเกิดขึ้นในคราวเดียวกันเล่า อนึ่ง โลกนี้ มีแสงสว่างเกิดขึ้น ด้วยความ
บังเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าแม้องค์เดียวก่อน ถ้าว่า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 พึง
บังเกิดขึ้นไซร้ โลกนี้พึงมีแสงสว่างเกิดแล้ว เกินประมาณด้วยแสงสว่างแห่ง
พระพุทธเจ้าทั้ง 2 พระองค์ มิใช่หรือ ก็พระตถาคตทั้งสอง เมื่อจะกล่าวสอน
ก็พึงกล่าวสอนง่าย (สะดวก) เมื่อจะพร่ำสอนพึงพร่ำสอนง่าย มิใช่หรือ ขอ
พระผู้เป็นเจ้า จงแสดงเหตุในข้อนั้นแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะพึงสิ้นความสงสัย
อย่างไร.

พระเถระ ทูลว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร หมื่นโลกธาตุนี้ทรง
พระพุทธเจ้าได้เพียงพระองค์เดียว ย่อมทรงคุณของพระตถาคตได้พระองค์
เดียวเท่านั้น ถ้าว่าพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 พึงบังเกิดขึ้นไซร้ หมื่นโลกธาตุ
นี้ จะพึงทรงไว้ไม่ได้ พึงเขยื้อน พึงหวั่นไหว พึงน้อมไป พึงทรุดลง พึง
กวัดแกว่ง พึงเรี่ยราย พึงกระจัดกระจาย พึงเข้าถึงความตั้งอยู่ไม่ได้.
ขอถวายพระพร มหาบพิตร เปรียบเหมือนเรือที่พาข้ามฝั่งไปได้คน
เดียว ครั้นเมื่อบุรุษคนเดียวขึ้นแล้วเรือนั้นก็พึงให้ถึงฝั่ง ถ้าว่าบุรุษคนที่ 2
พึงมาไซร้ และเขาก็เป็นผู้เช่นเดียวกันโดยอายุ โดยวรรณะ โดยวัยเป็นประ-
มาณ และโดยอวัยวะใหญ่น้อยผอมหรืออ้วน (ขนาดเดียวกัน) บุรุษคนที่สอง
นั้น พึงขึ้นสู่เรือนั้น ดูก่อนมหาบพิตร เรือนั้นพึงทรงแม้บุรุษทั้งสองไว้ได้
หรือ ดังนี้.
พระราชา ตรัสว่า หามิได้ พระคุณเจ้าผู้เจริญ เรือนั้นพึงขยับ
เขยื้อน พึงหวั่นไหว พึงเอียงไป พึงเพียบลง พึงกวัดแกว่ง พึงส่ายไป
พึงกระจัดกระจาย พึงเข้าถึงความทรงอยู่ไม่ได้ พึงจมลงในน้ำ ดังนี้
พระเถระ ทูลว่า ขอถวายพระพร เรือนั้นพึงทรงบุรุษสองคนไม่
ได้ ย่อมจมลงในน้ำ ฉันใด หมื่นโลกธาตุนี้ ทรงไว้ซึ่งพระพุทธเจ้าได้เพียง
พระองค์เดียว ทรงคุณของพระตถาคตได้เพียงพระองค์เดียว ถ้าว่าพระพุทธ-
เจ้าองค์ที่สองพึงบังเกิดขึ้น หมื่นโลกธาตุพึงทรงไว้ไม่ได้ พึงขยับเขยื้อน พึง
หวั่นไหว พึงเอนลง ทรุดลง กวัดแกว่ง เรี่ยราย กระจัดกระจาย พึงเข้า
ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ฉันนั้น.
ดูก่อนมหาบพิตร อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษพึงบริโภคอาหาร
ตามต้องการ เขายังอาหารที่ชอบใจให้เต็มถึงคอ อิ่มแล้ว บริบูรณ์แล้ว ไม่มี

ช่องว่าง ถึงซึ่งความเป็นผู้เฉื่อยชา เป็นดังท่อนไม้โน้มไม่ลง แล้วพึงบริโภค
อาหารอีกเท่านั้นนั่นแหละ ข้าแต่มหาบพิตร บุรุษนั้นพึงมีความสุขบ้างหรือ
ดังนี้.
พระราชา ตรัสว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า หามิได้ บุรุษนั้นพึงบริโภค
คราวเดียวนั่นแหละแล้วก็จะตาย ดังนี้.
พระเถระ. ขอถวายพระพร ข้อนี้ฉันใด หมื่นโลกธาตุนี้ ก็ฉันนั้น
นั่นแหละ ทรงพระพุทธเจ้าได้แต่เพียงพระองค์เดียว ทรงคุณของพะตถาคต
ไว้ได้เพียงพระองค์เดียว ถ้าว่าพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง พึงบังเกิดขึ้นไซร้
หมื่นโลกธาตุนี้พึงทรงไว้ไม่ได้ พึงขยับเขยื้อน หวั่นไหว เอนลง ทรุดลง
กวัดแกว่ง เรี่ยราย กระจัดกระจาย และพึงเข้าถึงความตั้งอยู่ไม่ได้.
พระราชา. พระผู้เป็นเจ้านาคเสน แผ่นดินย่อมเขยื้อน หวั่นไหว
ด้วยหนักธรรมเกินไปด้วยหรือ.
พระเถระ. ขอถวายพระพร ในข้อนี้ เกวียนสองเล่มเต็มด้วยรัตนะ
จนเสมอขอบ บุกคลพึงขนเอารัตนะแต่เกวียนเล่มหนึ่งใส่ในเกวียนอีกเล่มหนึ่ง
ดูก่อนมหาบพิตร เกวียนเล่มนั้น พึงทรงรัตนะแห่งเกวียนแม้ทั้งสองได้หรือ.
พระราชา. หามิได้ พระคุณเจ้า แม้ดุมของเกวียนนั้นพึงแยกออก
ไป แม้กำของเกวียนนั้นก็พึงแตกออกไป แม้กงของเกวียนนั้นก็พึงฉีกออกไป
แม้เพลาของเกวียนนั้นก็พึงทำลายไป ดังนี้.
พระเถระ. ขอถวายพระพร เกวียนย่อมถูกทำลายไป ด้วยหนักรัตนะ
เกินไปหรือ.
พระราชา. อย่างนั้นแหละ พระคุณเจ้า.
พระเถระ. ขอถวายพระพร เกวียนถูกทำลายไปด้วยการหนักรัตนะ.
เกิน ฉันใด แผ่นดินก็ฉันนั้นนั่นแหละ ย่อมเขยื้อน หวั่นไหว ด้วยการหนัก

ธรรมเกินไป อีกอย่างหนึ่ง มหาบพิตร อาตมาจะชี้แจงซึ่งเหตุแม้อื่นอันเป็น
การเหมาะสมในข้อนั้นอีก ขอถวายพระพร พระสัมมาสัมพุทธะทั้งสองพระ-
องค์ ย่อมไม่เกิดขึ้นในขณะเดียวกันด้วยเหตุใด ขอมหาบพิตรจงสดับเหตุนั้น
ดังนี้.
ดูก่อนมหาบพิตร ถ้าว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสองพระองค์ พึง
บังเกิดขึ้นในขณะเดียวกันไซร้ ความวิวาทพึงเกิดแก่บริษัท และพึงแตกแยก
ออกเป็นสองฝ่าย เพราะคำว่า พระพุทธเจ้าของพวกท่าน พระพุทธเจ้าของ
พวกเรา ดังนี้ ดูก่อนมหาบพิตร เปรียบเหมือนความวิวาท ย่อมเกิดแก่บริษัท
ของอำมาตย์ผู้มีกำลังทั้งสองคน ย่อมเกิดการแตกแยกว่า นี้อำมาตย์ของพวก
ท่าน นี้อำมาตย์ของพวกเรา ฉันใด ขอถวายพระพร พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สองพระองค์ ถ้าว่า พึงบังเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน ก็ฉันนั้นนั่นแหละ ความ
วิวาททั้งหลาย พึงเกิดขึ้นแก่บริษัทของพระพุทธเจ้าทั้งสองพระองค์ว่า พระ-
พุทธเจ้าของพวกท่าน พระพุทธเจ้าของพวกเรา ดังนี้ บริษัทพึงเกิดแตกแยก
ออกเป็นสองฝ่าย นี้เป็นเหตุที่หนึ่ง.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสองพระองค์ ย่อมไม่ทรงอุบัติขึ้นในขณะเดียว
กันด้วยเหตุใด ขอบรมบพิตรจงสดับซึ่งเหตุนั้นแม้อื่นอีกให้ยิ่งขึ้นไป.
ดูก่อนมหาบพิตร ถ้าว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสองพระองค์ พึงบังเกิด
ขึ้นในขณะเดียวกันไซร้ คำที่ว่าพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ดังนี้ นั้นก็พึงเป็นคำผิด
คำที่ว่า พระพุทธเจ้าประเสริฐสุดดังนี้ นั้นก็พึงเป็นคำผิด คำที่ว่า พระพุทธเจ้า
ผู้วิเศษดังนี้ นั้นก็พึงเป็นคำผิด คำที่ว่าพระพุทธเจ้าสูงสุดดังนี้ นั้นก็พึงเป็น
คำผิด คำที่ว่า พระพุทธเจ้าผู้บวรดังนี้ นั้นก็พึงเป็นคำผิด คำที่ว่า พระ-
พุทธเจ้าไม่มีใครเสมอดังนี้ นั้นก็พึงเป็นคำผิด คำที่ว่า พระพุทธเจ้าผู้เสมอ

ด้วยบุคคลผู้ไม่มีใครเสมอดังนี้ นั้นก็ผิด คำที่ว่า พระพุทธเจ้าไม่มีใคร
เปรียบดังนี้ นั้นก็พึงเป็นคำผิด คำที่ว่า พระพุทธเจ้าไม่มีส่วนเปรียบดังนี้ นั้น
ก็พึงเป็นคำผิด คูก่อนมหาบพิตรพระองค์จงรับเหตุแม้นี้แล โดยความเป็นจริง.
อีกอย่างหนึ่ง มหาบพิตร พระพุทธเจ้าสองพระองค์ไม่เกิดขึ้นใน
ขณะเดียวกันด้วยเหตุใด ขอมหาบพิตรจงทราบเหตุอย่างนี้ว่า ความบังเกิดขึ้น
แห่งพระพุทธเจ้า ย่อมบังเกิดขึ้นในโลกเฉพาะพระองค์เดียว นี้เป็นปกติ
โดยสภาพของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพราะเหตุไร เพราะความที่คุณของ
พระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้แล้ว ผู้เป็นสัพพัญญู เป็นของใหญ่,
ขอถวายพระพร แม้สิ่งอื่นใดที่เป็นของใหญ่ สิ่งนั้นก็เป็นของอันเดียว
เท่านั้น ดูก่อนมหาบพิตร แผ่นดินเป็นของใหญ่ แผ่นดินนั้น ก็เป็นแผ่นเดียว
เท่านั้น สาครเป็นของใหญ่ สาครนั้น ก็เป็นอันเดียวเท่านั้น ขุนเขาสิเนรุเป็น
ของใหญ่ สิเนรุนั้นก็เป็นลูกเดียวเท่านั้น อากาศเป็นของใหญ่ อากาศนั้นก็
เป็นอากาศเดียวเท่านั้น ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่ ท้าวสักกะนั้นก็เป็นผู้เดียวเท่านั้น
มารผู้เป็นใหญ่ มารนั้นก็ผู้เดียวเท่านั้น พรหมผู้เป็นใหญ่ มหาพรหมนั้นก็
ผู้เดียวเท่านั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นใหญ่เพียงพระองค์
เดียวเท่านั้น แผ่นดินเป็นต้นย่อมไม่เกิดขึ้นในที่ใด การปรากฏของแผ่นดิน
เป็นต้นย่อมไม่มีในที่นั้น เพราะฉะนั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้น จึงบังเกิดขึ้นในโลก ดังนี้.
พระราชา ข้าแต่ท่านนาคเสน ปัญหาพระผู้เป็นเจ้าแก้ดีแล้ว ด้วย
เหตุทั้งหลายอันเป็นเครื่องอุปมา ดังนี้.

อธิบายการบังเกิดขึ้นแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ


คำว่า เอกิสฺสา โลกธาตุยา ได้แก่ จักรวาลหนึ่ง. อธิบายว่า
ท่านถือเอาหมื่นจักรวาล ด้วยบทว่า เอกิสฺสา โลกธาตุยา นี้เช่นนี้ในหนหลัง
นั่นแหละ. การกำหนดหมื่นจักรวาลแม้เหล่านั้น ด้วยจักรวาลหนึ่งนั่นแหละ
ก็ควร. เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายเมื่อบังเกิด ย่อมบังเกิดในจักรวาลนี้เท่านั้น.
ก็เมื่อฐานะคือการบังเกิดขึ้น อันธรรมดาห้ามแล้ว ที่ชื่อว่า ห้ามไว้แล้ว เพราะ
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่ทรงบังเกิดในจักรวาลอื่น ๆ นอกจากจักรวาลนั้น.
ในคำว่า อปุพฺพํ อจริมํ (แปลว่า ไม่ก่อน ไม่หลัง) ได้แก่ ชื่อว่า
ก่อน (ปุพฺพํ) เพราะก่อนแต่กาลปรากฏของจักรรัตนะ. ชื่อว่าหลัง (จริมํ)
เพราะหลังแต่จักรรัตนะนั้นนั่นแหละอันตรธานแล้ว. ในคำเหล่านั้น การ
อันตรธานแห่งจักรรัตนะมี 2 คือ เพราะการสวรรคตของพระเจ้าจักรพรรดิ
หรือว่าการทรงบรรพชา อนึ่ง จักรรัตนะนั้น เมื่อจะอันตรธาน ย่อมอันตรธาน
ในวันที่ 7 นับจากการสวรรคตหรือทรงบรรพชา. เบื้องหน้าจากนั้น ความ
ปรากฏของพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์อื่นอันธรรมดามิได้ห้ามไว้ ก็เพราะเหตุไร
เพราะพระเจ้าจักรพรรดิสองพระองค์มิได้ทรงอุบัติขึ้นร้อมกันในจักรวาลเดียว
กัน เพราะทำให้เกิดความวิวาท เพราะไม่เป็นสิ่งอัศจรรย์และเพราะความมี
อานุภาพมากแห่งจักรรัตนะ. จริงอยู่ เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิสองพระองค์บังเกิด
อยู่ ความวิวาทพึงเกิดขึ้นว่า ราชาของพวกเราใหญ่ ราชาชองพวกเราใหญ่
ดังนี้ อนึ่ง ความไม่เกิดอัศจรรย์พึงเกิดขึ้นว่า ในทวีปหนึ่งมีพระเจ้าจักรพรรดิ
และในทวีปหนึ่งโน้นก็มีพระเจ้าจักรพรรดิ ดังนี้ ก็ผู้ใดนี้สามารถเพิ่มให้จักร
รัตนะ เพื่อความเป็นใหญ่ในทวีปใหญ่ทั้ง 4 ซึ่งมีทวีปสองพันเป็นบริวาร
อานุภาพใหญ่แห่งจักรรัตนะนั้น พึงเสื่อมไป เพราะเหตุนั้น พระเจ้าจักรพรรดิ