เมนู

การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ อันใด นี้เรียกว่า
ความเพียร ภิกษุ ย่อมปรารภ ปรารภด้วยดี เสพ เจริญ ทำให้มาก ซึ่ง
ความเพียร ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ปรารภความเพียร.
[470] บทว่า ประคองจิตไว้ มีนิเทศว่า จิต เป็นไฉน ?
จิต มโน มานัส ฯลฯ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน อันใด นี้เรียก
ว่า จิต ภิกษุ ย่อมประคองไว้ ประคองไว้ด้วยดี อุปถัมถ์ ค้ำชู ซึ่งจิตนี้
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ประคองจิตไว้.
[471] บทว่า ทำความเพียร มีนิเทศว่า ความเพียร เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ. อันใด นี้เรียกว่า
ความเพียร ภิกษุ เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว ฯลฯ ประกอบแล้วด้วยความเพียรนี้
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ทำความเพียร.

เพียรละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว


[472] ก็ภิกษุ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เป็น
อย่างไร ?
ในบทเหล่านั้น บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นไฉน ?
อกุศลมูล 3 คือ โลภะ โทสะ โมหะ และกิเลสที่ตั้งอยู่ในจิตตุปบาท
เดียวกันกับโลภะ โทสะ โมหะนั้น เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
วิญญาณขันธ์ ที่สัมปยุตด้วยโลภะ โทสะ โมหะนั้น กายกรรม วจีกรรม
มโนกรรม ที่มีโลภะ โทสะ โมหะนั้นเป็นสมุฏฐาน สภาวธรรมเหล่านี้ เรียกว่า
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว.

ภิกษุ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อละบาปอกุศลธรรมเหล่านั้นที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยประการฉะนี้
[473] ในบทเหล่านั้น บทว่า ทำฉันทะให้เกิด มีนิเทศว่า ฉันทะ
เป็นไฉน ?
ความพอใจ การทำความพอใจ ความเป็นผู้ใคร่เพื่อจะทำความฉลาด
ความพอใจในธรรม อันใด นี้เรียกว่า ฉันทะ. ภิกษุย่อมทำฉันทะนี้ให้เกิด ให้
เกิดด้วยดี ให้ตั้งขึ้น ให้ตั้งขึ้นด้วยดี ให้บังเกิด ให้บังเกิดยิ่ง ด้วยเหตุนั้น
จึงเรียกว่า ทำฉันทะให้เกิด.
[474] บทว่า พยายาม มีนิเทศว่า ความพยายาม เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ อันใด นี้เรียกว่า
ความพยายาม. ภิกษุ เป็นผู้เขาไปถึงแล้ว ฯลฯ ประกอบแล้วด้วยความพยายาม
นี้ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า พยายาม.
[475] บทว่า. ปรารภความเพียร มีนิเทศว่า ความเพียร เป็น
ไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ อันใด นี้เรียกว่า
ความเพียร. ภิกษุ ย่อมปรารภ ปรารภด้วยดี เสพ เจริญ ทำให้มาก ซึ่ง
ความเพียรนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ปรารภความเพียร.
[476] บทว่า ประคองจิตไว้ มีนิเทศว่า จิต เป็นไฉน ?
จิต. มโน มานัส ฯลฯ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน อันใด นี้เรียกว่า
จิต. ภิกษุ ย่อมประคองไว้ ประคองไว้ด้วยดี อุปถัมภ์ค้ำชู ซึ่งจิตนี้ ด้วย
เหตุนั้น จึงเรียกว่า ประคองจิตไว้.

[477] บทว่า ทำความเพียร มีนิเทศว่า ความเพียร เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ ความพยายามชอบ อันใด นี้
เรียกว่า ความเพียร. ภิกษุ เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว ฯลฯ ประกอบแล้วด้วยความ
เพียรนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ทำความเพียร.

เพียรสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น


[478] ก็ภิกษุ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นไห้เกิดขึ้น เป็น
อย่างไร ?
ในบทเหล่านั้น กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นไฉน ?
กุศลมูล 3 คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์
สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ที่สัมปยุตด้วย อโลภะ อโทสะ อโมหะนั้น กาย-
กรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่มีอโลภะ อโทสะ อโมหะนั้นเป็นสมุฏฐาน
สภาวธรรมเหล่านั้น เรียกว่า กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น.
ภิกษุ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อสร้างกุศลธรรมเหล่านี้ ที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น ด้วยประการ
ฉะนี้.
[479] บทว่า ทำฉันทะให้เกิด มีนิเทศว่า ฉันทะ เป็นไฉน ?
ความพอใจ การทำความพอใจ ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ทำ
ฉันทะให้เกิด.
บทว่า พยายาม มีนิเทศว่า ความพยายาม เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า พยายาม.
บทว่า ปรารภความเพียร มีนิเทศว่า ความเพียร เป็นไฉน ?