เมนู

อรรถกถาจิตตานุปัสสนานิทเทส


แม้ในจิตตานุปัสสนานิทเทส พึงทราบเช่นกับคำที่กล่าวแล้วในหน
หลัง โดยนัยที่กล่าวแล้วนั่นแหละ. ก็ในข้อว่า สราคํ วา จิตฺตํ เป็นต้น
บทว่า สราคํ คือ จิตสหรคตด้วยโลภะ 8 อย่าง. บทว่า วีตราคํ คือจิต
เป็นกุศลและอัพยากตะฝ่ายโลกีย์. แต่เพราะการพิจารณานี้ ไม่ใช่ธรรมสโมธาน
ฉะนั้น จึงไม่ได้โลกุตรจิตแม้สักบทเดียวในที่นี้. อกุศลจิตเหล่าใด เป็นไป
กับด้วยราคะเป็นต้น อันพระโยคาวจรย่อมละได้ ด้วยสามารถแห่งอรรถอัน
หนึ่ง คือ ปหานะ อกุศลจิตเหล่านั้น ท่านก็ไม่ถือเอา เพราะไม่ได้ในบท
ทั้งสองนี้โดยตรง. อกุศลจิต 4 ที่เหลือไม่เกี่ยวกับบทหน้าและบทหลัง.
บทว่า สโทสํ คือ จิตสหรคตด้วยโทมนัส 2 อย่าง. บทว่า วีตโทสํ
คือ จิตที่เป็นกุศลและอัพยากตะฝ่ายโลกีย์. อกุศลจิต 10 ที่เหลือ ไม่เกี่ยวกับ
บทหน้าและบทหลัง.
บทว่า สโมหํ ได้แก่ จิต 2 อย่าง คือ จิตที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และจิตที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ. แต่เพราะโมหะย่อมเกิดขึ้นในอกุศลจิตทั้งปวง
ฉะนั้น อกุศลจิต แม้ที่เหลือย่อมเป็นไปในที่นี้ทั้งหมด เพราะว่า อกุศลจิต 12
ท่านถือเอาแล้วในทุกะนี้เหมือนกัน. บทว่า วีตโมหํ คือ จิตที่เป็นกุศลและ
อัพยากตะฝ่ายโลกีย์.
บทว่า สํขิตฺตํ คือ จิตที่ตกไปในถีนมิทธะ (คือ ความซบเซา)
จริงอยู่ จิตนั้น ชื่อว่า หดหู่แล้ว. บทว่า วิกฺขิตฺตํ คือ จิตที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะ. จริงอยู่ จิตนั้น ชื่อว่า จิตซ่านไปแล้ว.