ว่าโดยความไม่หย่อนไม่ยิ่ง
ก็ข้อว่า โดยความไม่หย่อนไม่ยิ่ง นี้ ถามว่า เพราะเหตุไร
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสขันธ์ว่ามี 5 เท่านั้น ไม่หย่อนไม่ยิ่ง ดังนี้. ตอบว่า
เพราะทรงสงเคราะห์สังขตธรรมทั้งหมดที่มีส่วนเสมอกันเข้าเป็นพวกเดียวกัน
เพราะวัตถุเครื่องยึดถือตนและของเนื่องด้วยตนนี้มีขันธ์ 5 เป็นอย่างยิ่ง และ
เพราะความที่ธรรมอื่น ๆ ก็ไม่นอกจากขันธ์ 5 นั้น.
จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงสงเคราะห์สังขตธรรมมีประเภท
มิใช่น้อยเข้าด้วยอำนาจที่มีส่วนเสมอกัน รูปก็เป็นขันธ์หนึ่งด้วยอำนาจการ
สงเคราะห์รูปที่มีส่วนเสมอกันเข้าเป็นพวกเดียวกัน. เวทนาก็เป็นขันธ์หนึ่งด้วย
อำนาจการสงเคราะห์เวทนาที่มีส่วนเสมอกันเข้าเป็นพวกเดียวกัน แม้ในสัญญา
ขันธ์เป็นต้นก็นัยนี้แหละ เพราะฉะนั้น จึงตรัสขันธ์ไว้ 5 เท่านั้น เพราะทรง
สงเคราะห์สังขตธรรมทั้งหมดที่มีส่วนเสมอกันไว้เป็นพวกเดียวกัน. อนึ่ง วัตถุ
แห่งการยึดถือว่าเป็นตนเป็นของเนื่องด้วยตนนี้ คือ ขันธ์ 5 นี้มีรูปเป็นต้น
เป็นอย่างยิ่ง ข้อนี้สมกับพระดำรัสที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อรูปมีอยู่
ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) อาศัยรูป ยึดมั่นรูป ย่อมเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า เอตํ มม
เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตา เวทนาย ฯเปฯ สญฺญา ฯเปฯ สํขาเรสุ
ฯเปฯ วิญฺญาเณ สติ วิญฺญาณํ อุปาทาย วิญฺญาณํ อภินิวิสฺส
เอวํ ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตา
(นี้ของเรา เราเป็นนี้ นี้อัตตาของเรา เมื่อเวทนามีอยู่ ฯลฯ เมื่อสัญญามีอยู่
ฯลฯ เมื่อสังขารทั้งหลายมีอยู่ ฯลฯ เมื่อวิญญาณมีอยู่ ทิฏฐิ อาศัยวิญญาณ
ยึดมั่นวิญญาณ ย่อมเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า นี้ของเรา เราเป็นนี้ นี้อัตตาของเรา