เมนู

[285] สังขารอันสัมปยุตด้วยอวิชชา เกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณอันสัมปยุตด้วยสังขาร เกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามรูปและนามอันสัมปยุตด้วยวิญญาณ เกิดเพราะวิญญาณ
เป็นปัจจัย
สฬายตนะอันสัมปยุตด้วยนาม เกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
ผัสสะอันสัมปยุตด้วยสฬายตนะ เกิดเพราะสฬายตนะเป็น
ปัจจัย
เวทนาอันสัมปยุตด้ยผัสสะ เกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาอันสัมปยุตด้วยเวทนา เกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานอันสัมปยุตด้วยตัณหา เกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
สัมปยุตตจตุกกะ จ

อัญญมัญญจตุกกะ


[อวิชชามูลกนัย]


[286] สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
อวิชชาเกิดแม้เพราะสังขารเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย

สังขารเกิดแม้เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดแม้เพราะนามเป็นปัจจัย
อายตนะที่ 6 เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
นามเกิดแม้เพราะอายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย
อายตนะที่ 6 เกิดแม้เพราะผัสสะเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดแม้เพราะเวทนาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดแม้เพราะตัณหาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดแม้เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[287] สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
อวิชชาเกิดแม้เพราะสังขารเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
สังขารเกิดแม้เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย

นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดแม้เพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
นามเกิดแม้เพราะผัสสะเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดแม้เพราะเวทนาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดแม้เพราะตัณหาเป็นปัจจัย
อุปทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดแม้เพราะอุปทานเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[288] สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
อวิชชาเกิดแม้เพราะสังขารเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
สังขารเกิดแม้เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดแม้เพราะนามรูปเป็นปัจจัย
อายตนะที่ 6 เกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย

นามรูปเกิดแม้เพราะอายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย
อายตนะที่ 6 เกิดแม้เพราะผัสสะเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดแม้เพราะเวทนาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดแม้เพราะตัณหาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดแม้เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[289] สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
อวิชชาเกิดแม้เพราะสังขารเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
สังขารเกิดแม้เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดแม้เพราะนามรูปเป็นปัจจัย
สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
นามรูปเกิดแม้เพราะอายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย

ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย
อายตนะที่ 6 เกิดแม้เพราะผัสสะเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดแม้เพราะเวทนาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดแม้เพราะตัณหาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดแม้เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
อัญญมัญญจตุกกะ จบ

[นัย 8 มีสังขารมูลกนัยเป็นต้น]


[290] อวิชชาเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะนามเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะอายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย ฯลฯ
อวิชชาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย ฯลฯ