เมนู

บรรดาอกุศลเจตนา 12 ดวงเหล่านั้น เว้นเจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัส 2 ดวง
ที่เหลือ ย่อมเกิดขึ้นแม้ในรูปภพและอรูปภพ แม้ก็จริง ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ชัก
ปฏิสนธิมาในรูปภพและอรูปภพนั้น ย่อมยังวิบากให้ท่องเที่ยวไปในกามาวจร
ด้วยอำนาจปฏิสนธินั่นแหล่ะ เพราะฉะนั้น จึงตรัสว่า เป็นกามาพจรเท่านั้น
ดังนี้.

ว่าด้วยอาเนญชาภิสังขาร


พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศอาเนญชาภิสังขาร ต่อไป
บทว่า กุสลา เจตนา อรูปาวจรา (กุศลเจตนาเป็นอรูปาวจร)
ได้แก่ กุศลเจตนาเป็นอรูปาวจร 4 จริงอยู่ กุศลเจตนาเป็นอรูปาวจร 4
เหล่านั้น ตรัสเรียกว่า อาเนญชาภิสังขาร เพราะอรรถว่า ไม่หวั่นไหว
และเพราะอรรถว่า ปรุงแต่งความไม่หวั่นไหว ด้วยว่าธรรม 15 คือ เจตนา
ที่เป็นกุศล วิบาก กิริยาที่เกิดแต่จตุตถฌานที่เป็นรูปาวจร 3 ดวง เจตนาที่เป็น
อรูปาวจร 12 ดวง ชื่อว่า อาเนญชา เพราะอรรถว่า มั่นคง เพราะอรรถว่า
ไม่หวั่นไหว. บรรดาเจตนา 15 เหล่านั้น รูปาวจรกุศลเจตนา แม้เป็นสภาพ
ไม่หวั่นไหว แต่ก็ให้เกิดรูปและอรูปที่เหมือนกับตนบ้าง ไม่เหมือนกับตนบ้าง
ให้มีความหวั่นไหวบ้าง ไม่มีความหวั่นไหวบ้าง เพราะฉะนั้น จึงไม่ชื่อว่า
อาเนญชาภิสังขาร ส่วนรูปาวจรวิบากเจตนาและรูปาวจรกิริยาเจตนา ย่อม
ปรุงแต่งวิบากไม่ได้ เพราะไม่มีวิบาก จึงชื่อว่า เป็นอาเนญชาภิสังขารไม่ได้
เจตนาที่เป็นอรูปาวจรวิบากและกิริยา ก็เป็นอาเนญชาภิสังขารไม่ได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น เจตนาเหล่านั้นแม้ทั้ง 11 ดวง จึงเป็น อาเนญชา (ความไม่

หวั่นไหว) เท่านั้น ไม่เป็นอภิสังขาร. แต่อรูปาวจรกุศลเจตนา 4 ดวง
เท่านั้น ตรัสเรียกว่า อาเนญชาภิสังขาร เพราะอรรถว่า ย่อมให้เกิดอรูป
อันไม่หวั่นไหวเช่นกับตน เหมือนเงาของสัตว์มีช้างม้าเป็นต้น ก็เป็นเช่นเดียวกับ
สัตว์มีช้างม้าเป็นต้น ฉะนั้น เจตนาเหล่านั้นแม้ทั้งหมด คือ กามาวจรกุศลเจตนา
3 ดวง ด้วยอำนาจแห่งปุญญาภิสังขาร อกุศลเจตนา 12 ดวง ด้วยอำนาจ
แห่งอปุญญาภิสังขาร อรูปกุศลเจตนา 4 ดวง ด้วยอำนาจอาเนญชาภิสังขาร
ประมวลมาเป็นเจตนา 29 ดวง ด้วยประการฉะนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกำหนดเจตนาที่เป็นกุศลและอกุศลที่เกิดขึ้นแก่
เหล่าสัตว์หาประมาณมิได้ ในจักรวาลอันประมาณมิได้ ด้วยพระสรรพัญญุต-
ญาณ ทรงแสดงเจตนาไว้ 29 ดวงเท่านั้น เหมือนทรงชั่งอยู่ด้วยคันชั่งอัน
ใหญ่ และเหมือนทรงตวงใส่ไว้ในทะนานนั่นแหละ ด้วยประการฉะนี้.

ว่าด้วยทวารแห่งกรรม


บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงทวารแห่งกรรม 3 ที่
เหล่าสัตว์ซึ่งหาประมาณมิได้ ในจักรวาลอันนับประมาณมิได้ ผู้ประกอบอยู่ซึ่ง
กุศลกรรมและอกุศลกรรม ย่อมประกอบด้วยทวารเหล่านั้น จึงตรัสคำว่า
ตตฺถ กตโม กายสํขโร กายสญฺเจตนา ในสังขารเหล่านั้น กายสังขาร
เป็นไฉน ? คือ กายสัญเจตนา ดังนี้เป็นต้น.
ในพระบาลีนั้น คำว่า กายสัญเจตนา ได้แก่ เจตนา 20 ถ้วน
คือ กามาวจรกุศลเจตนา 8 ดวง อกุศลเจตนา 12 ดวง ที่เป็นไปโดยกายทวาร
ซึ่งยังกายวิญญัตติให้ตั้งขึ้น แม้จะกล่าวว่า เจตนาที่เป็นกุศลและอกุศล 20 ที่
เกิดขึ้นให้ถึงการไหวไปด้วยการยืด และการถือเอาในกายทวาร ดังนี้ก็สมควร.