เมนู

ส่วนกถานี้เป็นกถาโดยพิสดารว่า บรรดาปัจจัย 4 มีจีวรเป็นต้น หรือ
บรรดาอารมณ์ 6 มีรูปารมณ์เป็นต้น หรือทานวัตถุ 10 มีการให้ข้าวเป็นต้น
เจตนาของบุคุคลผู้ให้วัตถุนั้น ๆ ที่เป็นไปในกาลทั้ง 3 คือ ในบุรพภาค (ส่วน
เบื้องต้น ) จำเดิมแต่การเกิดขึ้นแห่งของนั้น ๆ 1 ในเวลาบริจาค 2 ในการ
ระลึกถึงด้วยจิตโสมนัสในภายหลัง 1 ชื่อว่า ทานมัย. ส่วนเจตนาที่เป็นไป
แก่บุคคลผู้ไปสู่วิหารผู้ตั้งใจว่า เราจักบวชเพื่อบำเพ็ญศีล ดังนี้ บวชแล้วยัง
มโนรถให้ถึงที่สุดแล้ว รำพึงอยู่ว่า เราบวชแล้วเป็นการดีหนอ ๆ ดังนี้
สำรวมพระปาฏิโมกข์ พิจารณาอยู่ซึ่งปัจจัยทั้งหลายมีจีวรเป็นต้น ระวังอยู่ซึ่ง
จักขุทวารเป็นต้นในอารมณ์มีรูปเป็นต้นที่มาสู่คลอง และชำระอาชีวะให้หมด
จดอยู่ ชื่อว่า ศีลมัย. เจตนาที่เป็นไปแก่พระโยคาวจรผู้เจริญอยู่ซึ่งจักษุ
โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เจริญรูปทั้งหลาย ฯลฯ
เจริญธรรมทั้งหลาย เจริญจักขุวิญญาณ ฯลฯ เจริญมโนวิญญาณ เจริญจักขุ
สัมผัส ฯลฯ เจริญมโนสัมผัส เจริญจักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ เจริญมโน
สัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ เจริญรูปสัญญา ฯลฯ เจริญชรามรณะ โดยความเป็น
ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา โดยทางแห่งวิปัสสนาที่กล่าวไว้ในปฏิสัม-
ภิทามรรค ชื่อว่า ภาวนามัย ดังนี้.

ว่าด้วยอปุญญาภิสังขาร


พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศอปุญญาภิสังขาร ต่อไป
บทว่า อกุสลา เจตนา (อกุศลเจตนา) ได้แก่ เจตนาสัมปยุต
ด้วยอกุศลจิต 12 ดวง. บทว่า กามาวจรา (เป็นกามาพจร) ความว่า