เมนู

ประการฉะนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงกล่าวว่า มรรคมี 3 อย่างโดยประเภทแห่งขันธ์
3. มรรคมี 4 อย่างด้วยสามารถแห่งมรรค 4 มีโสดาปัตติมรรคเป็นต้น.
อีกอย่างหนึ่ง สัจจะทั้งหมดนั่นแหละมีอย่างเดียว เพราะเป็นภาวะที่มี
อยู่โดยแท้จริง หรือเพราะเป็นอภิญไญยธรรม (ธรรมที่พึงรู้ยิ่ง) มี 2 อย่าง
โดยเป็นโลกิยะและโลกุตระ และเป็นสังขตะและอสังขตะ มี 3 อย่าง โดย
เป็นธรรมที่พึงละด้วยทัสสนะและภาวนา โดยเป็นธรรมไม่พึงละด้วยทัสสนะ
และภาวนา และโดยเป็นธรรมที่พึงละก็ไม่ใช่ ไม่พึงละก็ไม่ใช่ มี 4 อย่าง
โดยประเภทปริญไญยธรรมเป็นต้นแล.
พึงทราบวินิจฉัยในอธิการนี้โดยเป็นธรรมอย่างเดียว ด้วยประการฉะนี้.

ว่าด้วยวินิจฉัยโดยสภาคะและวิสภาคะ


ข้อว่า โดยสภาคะและวิสภาคะ ความว่า สัจจะทั้งหมดนั่นแหละ
ชื่อว่า เป็นสภาคะ (คือมีส่วนเสมอ) กันและกัน โดยเป็นของแท้ โดยเป็น
ของว่างจากอัตตา และโดยเป็นสิ่งที่แทงตลอดได้ยาก เหมือนอย่างที่พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า " ดูก่อนอานนท์ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
อย่างไหนหนอจะทำได้ยากกว่ากัน หรือจะให้เกิดขึ้นได้ยากกว่ากัน คือการที่
ยิงลูกศรให้เข้าไปติด ๆ กัน โดยช่องดาลเล็กแต่ที่ไกลได้ไม่ผิดพลาด กับการ
ยิงปลายขนทราย ด้วยขนทรายที่แบ่งออกเป็น 7 ส่วน*" ดังนี้ พระอานนท์
ทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การยิงปลายขนทราย ด้วยปลายขนทรายที่แบ่ง
ออกเป็น 7 ส่วน กระทำได้ยากกว่าและให้เกิดขึ้นได้ยากกว่า พระเจ้าข้า"
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า " ดูก่อนอานนท์ ชนเหล่าใด ย่อม
* ปลายขนทรายแบ่งเป็น 7 ส่วน ติดที่ปลายลูกศรแล้วยิงปลายขนทรายนั้นให้ถูกเป็นการยาก
แต่พระองค์ตรัสว่า การแทงตลอดสัจจะยากกว่า (เก็บจากมหาฎีกา)