เมนู

มโนวิญญาณธาตุ เป็นไฉน ?
มโนธาตุเกิดในลำดับแห่งการเกิดดับของจักขุวิญญาณธาตุ จิต มโน
มานัส ฯลฯ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน เกิดในลำดับแห่งการเกิดดับแม้ของ
มโนะธาตุอีกชั้นหนึ่ง มโนธาตุเกิดในลำดับแห่งการเกิดดับของโสตวิญญาณธาตุ
ฯลฯ มโนธาตุ เกิดในลำดับแห่งการเกิดดับของฆานวิญญาณธาตุ ฯลฯ มโนธาตุ
เกิดในลำดับแห่งการเกิดดับของชิวหาวิญญาณธาตุ ฯลฯ มโนธาตุ เกิดในลำดับ
แห่งการเกิดดับของกายวิญญาณธาตุ จิต มโน มานัส ฯลฯ มโนวิญญาณธาตุ
ที่สมกัน เกิดในลำดับแห่งการเกิดดับแม้ของมโนธาตุอีกชั้นหนึ่ง จิต มโน
มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์
มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน อาศัยมโนและธรรมารมณ์เกิดขึ้น นี้เรียกว่า มโน-
วิญญาณธาตุ.
อภิธรรมภาชนีย์ จบ

วรรณนาอภิธรรมภาชนีย์


พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อทรงแสดงธาตุแม้ทั้งหมดในอภิธรรมภาชนีย์
โดยรวบรัดเท่านั้น จึงตรัสคำมีอาทิว่า อฏฺฐารส ธาตุโย จกฺขุธาตุ รูปธาตุ
(ธาตุ 18 คือ จักขุธาตุ รูปธาตุ) ดังนี้. ในการวรรณนาอภิธรรมภาชนีย์นั้น
พึงทราบวาระด้วยอุเทศก่อน.
อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ กมตาวตฺวสํขโต
ปจฺจยา อถ ทฏฺฐพฺพา เวทิตพฺโพ วินจฺฉโย

พึงทราบวินิจฉัยโดยอรรถ โดย
ลักษณะเป็นต้น โดยลำดับ โดยมีจำนวน
เท่านั้น โดยการนับ โดยปัจจัย และโดยเป็น
ธรรมที่ควรเห็น.


ว่าด้วยวินิจฉัยโดยอรรถ


บรรดาอุทเทสเหล่านั้น คำว่า โดยอรรถ พึงทราบวินิจฉัยโดยอรรถ
ที่แปลกกันของธรรมมีจักขุเป็นต้น โดยนัยมีอาทิอย่างนี้ว่า ที่ชื่อว่า จักขุ
เพราะอรรถว่า ย่อมเห็น ชื่อว่า รูป เพราะอรรถว่า ย่อมแสดงตนให้ปรากฏ
ความรู้ (วิญญาณ) ทางจักขุ ชื่อว่า จักขุวิญญาณ ดังนี้ก่อน.
ส่วนโดยไม่แปลกกันมีวินิจฉัย ดังนี้
ที่ชื่อว่า ธาตุ เพราะอรรถว่า ย่อมจัดแจง เพราะอรรถว่าย่อมทรง
ไว้ เพราะอรรถว่าเป็นการจัดแจง เพราะอรรถว่าเป็นเหตุทรงไว้โดยประการ
ต่าง ๆ หรือเพราะอรรถว่าเป็นที่ทรงไว้.
จริงอยู่ ธาตุทั้งหลายที่เป็นโลกีย์ เป็นธาตุที่กำหนดไว้โดยความเป็น
เหตุ ย่อมจัดแจงสังสารทุกข์ไว้หลายประการ เหมือนธาตุที่เป็นทองและเงิน
เป็นต้น ที่บุคคลจัดทำเป็นทองและเงินเป็นต้น อนึ่ง ธาตุทั้งหลายอันสัตว์ย่อม
ทรงไว้ คือรองรับไว้ เหมือนของหนักที่แบกไปอยู่. อนึ่ง ธาตุเหล่านี้ชื่อว่า
เป็นเพียงจัดแจงทุกข์ไว้เท่านั้น เพราะไม่เป็นไปในอำนาจ อนึ่ง ธาตุเหล่านั้น
เป็นเหตุให้พวกสัตว์ทั้งหลายท่องเที่ยวไปสู่สังสารทุกข์ อนึ่ง ธาตุที่เป็นเหตุ
เหล่านี้ เป็นที่ตั้ง คือเป็นที่ยังสังสารทุกข์ให้สถิตอยู่ ในบรรดาจักขุเป็นต้น