เมนู

ไม่ติดกัน. เมื่อพระโยคาวจรทำบริกรรมในอากาสใด ฌานหมวด 4 หรือฌาน
หมวด 5 ย่อมเกิดขึ้น คำนั้น ท่านกล่าวไว้แล้วด้วยคำที่เป็นอากาสภายนอกนี้.

นิเทศวิญญาณธาตุ


พึงทราบวินิจฉัยนิเทศวิญญาณธาตุ ต่อไป
ธาตุกล่าวคือ จักขุวิญญาณ ชื่อว่า จักขุวิญญาณธาตุ. แม้ในธาตุ
ที่เหลือก็นัยนี้เหมือนกัน. เมื่อพระโยคาวจรกำหนดธาตุ 6 เหล่านั้น ด้วยประโยคการ
ฉะนี้แล้ว ธาตุ 18 ชื่อว่า เป็นอันกำหนดแล้วได้อย่างไร ? คือโผฏฐัพพธาตุ
ย่อมเป็นอันท่านถือเอาด้วยศัพท์ว่า ปถวี เตโช วาโย นั่นแหละก่อน.
ธรรมธาตุ เป็นอันท่านถือเอาด้วยศัพท์ว่า อาโปธาตุ และอากาสธาตุนั้นเป็น
มโนธาตุ เป็นอันท่านถือเอาด้วยศัพท์ว่าวิญญาณ เพราะความที่มโนธาตุนั้น
เป็นธรรมเกิดก่อนและเกิดหลังของวิญญาณธาตุนั้นทีเดียว มีจักขุวิญญาณธาตุ
เป็นต้นมาแล้วในสูตรนั่นแหละ ธาตุ 9 อย่างที่เหลือบัณฑิตพึงนำมาแสดง.
จริงอยู่ จักขุธาตุอันเป็นที่อาศัยเกิดของจักขุวิญญาณธาตุนั้น และรูป
ธาตุอันเป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณธาตุนั้น ย่อมเป็นอันท่านถือเอาด้วยศัพท์
ว่า จักขุวิญญาณธาตุ. ด้วยประการฉะนี้ โสตธาตุเป็นต้น ก็ย่อมเป็นอันท่าน
ถือเอาด้วยศัพท์ว่า โสตวิญญาณธาตุเป็นต้น ธาตุแม้ 18 ก็ย่อมเป็นอันถือเอา
แล้วด้วยประการฉะนี้.
บรรดาธาตุ 18 เหล่านั้น ท่านกำหนดรูปธาตุไว้ 10 กำหนดอรูป
ธาตุไว้ 7 ในธรรมธาตุ ท่านกำหนดเอารูปธาตุก็ กำหนดเอาอรูปธาตุก็มี
* มโนธาตุ 3 คือ อเหตุกกิริยา (ปัญจทวาราวัชชนจิต) 1 ดวง อเหตุกวิบาก (สัมปฏิฉันนจิต)
2 ดวง.