เมนู

ปัญหาปุจฉกะ


[101]

อายตนะ 12 คือ


1. จักขายตนะ
2. รูปายตนะ ฯลฯ
11. มนายตนะ
12. ธรรมายตนะ.


ติกมาติกาปุจฉา ทุกมาติกาปุจฉา


บรรดาอายตนะ 12 อายตนะไหนเป็นกุศล อายตนะไหนเป็นอกุศล
อายตนะไหนเป็นอัพยากฤต ฯลฯ อายตนะไหนเป็นสรณะ. อายตนะไหนเป็น
อรณะ.

ติกมาติกาวิสัชนา


[102] อายตนะ 10 (คือโอฬาริกายตนะ 10) เป็นอัยพากฤต
อายตนะ 2 (คือ มนายตนะ ธรรมายตนะ) เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็น
อัพยากฤตก็มี อายตนะ 10 กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นสุขเวทนาสัมปยุต แม้เป็น
ทุกขเวทนาสัมปยุต แม้เป็นอทุกขมสุขเวทนาสัมปยุต มนายตนะ เป็นสุขเวทนา
สัมปยุตก็มี เป็นทุกขเวทนาสัมปยุตก็มี เป็นอทุกขมสุขเวทนาสัมปยุตก็มี
ธรรมายตนะเป็นสุขเวทนาสัมปยุตก็มี เป็นทุกขเวทนาสัมปยุตก็มี เป็นอทุกขม-
สุขเวทนาสัมปยุตก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นสุขเวทนาสัมปยุต แม้เป็นทุกข-
เวทนาสัมปยุต แม้เป็นอทุกขมสุขเวทนาสัมปยุตก็มี อายตนะ 10 เป็นเนว-

วิปากนวิปากธัมมธรรม อายตนะ 2 เป็นวิบากก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี
เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี
อายตนะ 5 เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ สัททายตนะ เป็นอนุปาทินนุ-
ปาทานิยะ อายตนะ 4 เป็นอุปาทินนุปาทานิยะก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยะ
ก็มี เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยะก็มี อายตนะ 2 เป็นอุปาทินนุปาทานิยะก็มี
เป็นอนุปาทินนุปาทนิยะก็มี เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยะก็มี อายตนะ 10
เป็นอสังกิสิฏฐสังกิเลสิกะ อายตนะ 2 เป็นสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะก็มี เป็นอสัง-
กิลิฏฐสังกิเลสิกะก็มี เป็นอสังกิลิกฐาสังกิเลสิกะก็มี อายตนะ 10 เป็นอวิตักกา-
วิจาระ มนายตนะ เป็นสวิตักกสวิจาระก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตะก็มี เป็น
อวิตักกาวิจาระก็มี ธรรมายตนะ เป็นสวิตักกสวิจาระก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตะ
ก็มี เป็นอวิตักกาวิจาระก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นสวิตักกสวิจาระ แม้เป็น
อวิตักกวิจารมัตตะ แม้เป็นอวิตักกาวิจาระก็มี อายตนะ 10 กล่าวไม่ได้ว่า แม้
เป็นปีติสหคตะ แม้เป็นสุขสหคตะ แม้เป็นอุเปกขาสหคตะ อายตนะ 2 เป็น
ปีติสหคตะก็มี เป็นสุขสหคตะก็มี เป็นอุเปกขาสหคตะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้
เป็นปีติสหคตะ แม้เป็นสุขสหคตะ แม้เป็นอุเปกขาสหคตะก็มี อายตนะ 10
เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะ อายตนะ 2 เป็นทัสสนปหาตัพพะก็มี เป็น
ภาวนาปหาตัพพะก็มี เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะก็มี อายตนะ 10 เป็น
เนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพเหตุกะ อายตนะ 2 เป็นทัสสนปหาตัพพเหตุกะก็มี
เป็นภาวนาปหาตัพพเหตุกะก็มี เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพเหตุกะก็มี
อายตนะ 10 เป็นเนวาจยคามีนาปจยคามี อายตนะ 2 เป็นอาจยคามีก็มี เป็น
อปจยคามีก็มี เป็นเนวาจยคามีนาปจยคามีก็มี อายตนะ 10 เป็นเนวเสกขนา-

เสกขะ อายตนะ 2 เป็นเสกขะก็มี เป็นอเสกขะก็มี เป็นเนวเสกขนาเสกขะก็มี
อายตนะ 10 เป็นปริตตะ อายตนะ 2 เป็นปริตตะก็มี เป็นมหัคคตะก็มี เป็น
อัปปมาณะก็มี อายตนะ 10 เป็นอนารัมมณะ อายตนะ 2 เป็นปริตตารัมมณะ
ก็มี เป็นมหัคคตารัมมณะก็มี เป็นอัปปมาณารัมมณก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้
เป็นปริตตารัมมณะ แม้เป็นมหัคคตารัมมณะ แม้เป็นอัปปมาณารัมมณะก็มี
อายตนะ 10 เป็นมัชฌิมะ อายตนะ 2 เป็นหีนะก็มี เป็นมัชฌิมะก็มี เป็น
ปณีตะก็มี อายตนะ 10 เป็นอนิยตะ อายตนะ 2 เป็นมิจฉัตตนิยตะก็มี เป็น
สัมมัตตนิยตะก็มี เป็นอนิยตะก็มี อายตนะ 10 เป็นอนารัมมณะ อายตนะ 2
เป็นมัคคารัมมณะก็มี เป็นมัคคเหตุกะก็มี เป็นมัคคาธิปติก็มี กล่าวไม่ได้ว่า
แม้เป็นมัคคารัมมณะ แม้เป็นมัคคาธิปติก็มี
อายตนะ 5 เป็นอุปปันนะก็มี เป็นอุปปาทีก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็น
อนุปปันนะ สัททายตนะ เป็นอุปปันนะก็มี เป็นอนุปปันนะก็มี กล่าวไม่ได้
ว่า เป็นอุปปาที อายตนะ 5 เป็นอุปปันนะก็มี เป็นอนุปปันนะก็มี เป็น
อุปปาทีก็มี ธรรมายตนะ เป็นอุปปันนะก็มี เป็นอนุปปันนะก็มี เป็นอุปปาที
ก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอุปปันนะ แม้เป็นอนุปปันนะ แม้เป็นอุปปาทีก็มี
อายตนะ 11 เป็นอดีตก็มี เป็นอนาคตก็มี เป็นปัจจุบันก็มี ธรรมายตนะ เป็น
อดีตก็มี เป็นอนาคตก็มี เป็นปัจจุบันก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอดีต แม้
เป็นอนาคต แม้เป็นปัจจุบันก็มี อายตนะ 10 เป็นอนารัมมณะ อายตนะ 2
เป็นอตีตารัมมณะก็มี เป็นอนาคตารัมมณะก็มี เป็นปัจจุปปันนารัมมณะก็มี
กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอตีตารัมมณะ แม้เป็นอนาคตารัมมณะ แม้เป็นปัจจุป-
ปันนารัมมณะก็มี อายตนะ 12 เป็นอัชฌัตตะก็มี เป็นพหิทธาก็มี เป็น

อัชฌัตตพหิทธาก็มี อายตนะ 10 เป็นอนารัมมณะ อายตนะ 2 เป็นอัชฌัตตา-
รัมมณะก็มี เป็นพหิทธารัมมณะก็มี เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะก็มี กล่าวไม่
ได้ว่า แม้เป็นอัชฌัตตารัมมณะ แม้เป็นพหิทธารัมมณะ แม้เป็นอัชฌัตต-
พหิทธารัมมณะก็มี รูปายตนะ เป็นสนิทัสสนสัปปฏิฆะ อายตนะ 9 เป็น
อนิทัสสนสัปปฏิฆะ อายตนะ 2 เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆะ.

ทุกมาติกาวิสัชนา


1. เหตุโคจฉกวิสัชนา


[103] อายตนะ 11 เป็นนเหตุ ธรรมายตนะ เป็นเหตุก็มี เป็น
นเหตุก็มี อายตนะ 10 เป็นอเหตุกะ อายตนะ 2 เป็นสเหตุกะก็มี เป็น
อเหตุกะก็มี อายตนะ 10 เป็นเหตุวิปปยุต อายตนะ 2 เป็นเหตุสัมปยุตก็มี
เป็นเหตุวิปปยุตก็มี อายตนะ 10 กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นเหตุสเหตุกะ แม้เป็น
สเหตุกนเหตุ มนายตนะ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุสเหตุกะ เป็นสเหตุกนเหตุ
ก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสเหตุกนเหตุก็มี ธรรมายตนะ เป็นเหตุสเหตุกะก็มี
เป็นสเหตุกนเหตุก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นเหตุสเหตุกะ แม้เป็นสเหตุกนเหตุ
ก็มี อายตนะ 10 กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นเหตุเหตุสัมปยุต แม้เป็นเหตุสัมป-
ยุตตนเหตุ มนายตนะ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุเหตุสัมปยุต เป็นเหตุสัมปุต
ตนเหตุก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุสัมปยุตตนเหตุก็มี ธรรมายตนะ เป็น
เหตุเหตุสัมปยุตก็มี เป็นเหตุสัมปยุตตนเหตุก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นเหตุ
เหตุสัมปยุต แม้เป็นเหตุสัมปยุตก็มี อายตนะ 10 เป็นนเหตุอเหตุกะ
มนายตนะ เป็นนเหตุสเหตุกะก็มี เป็นนเหตุอเหตุกะก็มี ธรรมายตนะ เป็น