เมนู

ในประเภทเวทนาหมวดละ 9 อย่าง ได้แก่ มโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเวทนา
ตามที่ตรัสไว้ในประเภทเวทนา 7 ทรงแยกเป็น 3 ด้วยอำนาจกุศลเป็นต้น.
ในเวทนาขันธ์ 10 อย่าง ได้แก่ มโนวิญญาณธาตุสัมผัสสชาเวทนาตามที่ตรัส
ไว้ในเวทนาขันธ์ 8 อย่าง ทรงแยกเป็น 3 ด้วยอำนาจกุศลเป็นต้นนั้นแหละ
ก็ในเวทนาขันธ์นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเวทนาประกอบด้วยกุศลติกะเพื่อทำ
บทให้เต็มเท่านั้น แต่ในประเภทเวทนาหมวดละ 7 อย่าง 8 อย่าง และ 9 อย่าง
เพื่อต้องการประทานนัย จึงทรงประทานนัยไว้ในฐานะที่ควรประทาน เพราะ
เพ่งถึงพระอภิธรรม พระตถาคตเจ้าชื่อว่า มิได้ทรงประทานนัยไว้ในฐานะที่
ควรประทาน มิได้มี. นี้เป็นวาระหนึ่งในทุกมูลก่อน.
จริงอยู่ พระศาสดาเมื่อทรงจำแนกเวทนาขันธ์ในอภิธรรมภาชนีย์นี้
ทรงถือเอาธรรมหมวดติกะ (หมวด 3) ใส่ในธรรมหมวดทุกะ (หมวด 2)
บ้าง ทรงถือเอาธรรมหมวดทุกะใส่ในธรรมหมวดติกะบ้าง ทรงถือเอาธรรม
หมวด 3 และหมวด 2 แล้วนำมาโดยทำนองแห่งธรรมอันให้เพิ่มขึ้นทั้ง 2
ย่อมทรงแสดงเวทนาขันธ์โดยมากอย่าง แม้ในที่ทั้งปวง คือ ทรงแสดงเวทนา
หมวดละ 7 อย่าง เวทนาหมวดละ 24 อย่าง เวทนาหมวดละ 30 อย่าง
และเวทนามากอย่าง เพราะเหตุไร ? เพราะทรงแสดงตามอัชฌาศัยของบุคคล
และเพื่อความไพเราะแห่งเทศนา (เทสนาวิลาส).

ว่าด้วยเทศนาตามอัชฌาศัยบุคคล



จริงอยู่ เทวบุตรเหล่าใดในเทวบริษัทที่นั่งเพื่อจะฟังธรรม ย่อมอาจ
เพื่อแทงตลอดพระดำรัสที่พระศาสดาทรงถือเอาธรรมหมวดติกะใส่เข้าในธรรม
หมวดทุกะแสดงอยู่ พระองค์ก็ทรงแสดงกระทำเหมือนอย่างนั้น ด้วยอำนาจ
สัปปายะของเทวบุตรเหล่านั้น เทวบุตรเหล่าใด อาจเพื่อแทงตลอดธรรมที่
พระองค์ตรัสโดยอาการอย่างอื่นก็ทรงแสดงด้วยอาการเหล่านั้นแก่เทพบุตร
เหล่านั้น. นี้เป็นอัชฌาศัยของบุคคลในการทรงเทศนาเวทนาขันธ์นี้.