เมนู

คนรับจ้างหีบอ้อย 11 คน เที่ยวไป วิญญาณ 5 พึงเห็นเหมือนเจ้าของโรง
หีบอ้อย 5 คน. เวลาที่วิบากจิต 11 ดวง ร่วมกับจักขุวิญญาณทำกิจของตน ๆ
ในรูปารมณ์ทางจักขุทวาร พึงเห็นเหมือนเวลาคนรับจ้างหีบอ้อย 11 คน
ร่วมกับเจ้าของโรงหีบอ้อยในโรงแรก แล้วถือเอาส่วนงานที่กระทำ เวลาที่
จักขุวิญญาณไม่ล่วงทวารไป พึงเห็นเหมือนเวลาที่เจ้าของโรงอ้อยรับอ้อยไว้ใน
โรง. เวลาที่วิบากจิต 11 ดวง ร่วมกับกายวิญญาณ ทำกิจของตน ๆ ใน
โผฏฐัพพารมณ์ทางกายทวาร การไม่ก้าวก่ายทวารของกายวิญญาณ พึงทราบ
เหมือนเวลาที่เจ้าของโรงอ้อยรับอ้อยไว้ในโรง. วาระที่ท่านกล่าวไว้ว่า ติเหุตก-
ปฏิสนธิ (ปฏิสนธิประกอบด้วยเหตุ 3) ย่อมมีด้วยกรรมอันประกอบด้วยเหตุ 3
มีเพียงเท่านี้ ส่วนทุเหตุกปฏิสนธิ มีด้วยกรรมอันเป็นติเหตุกะนั้น ยังลี้ลับนัก*

ว่าด้วยทุเหตุกปฏิสนธิมีกรรมเป็นทุเหตุกะ


บัดนี้ ควรกล่าววาระที่ว่า ทุเหตุกปฏิสนธิ ย่อมมีด้วยกรรมอันเป็น
ทุเหตุกะ จริงอยู่ เมื่ออสังขาริกจิตสหรคตด้วยโสมนัสทำกรรมแล้ว สัตว์ผู้ถือ
ปฏิสนธิด้วยวิบากจิตที่เป็นทุเหตุกะเช่นเดียวกับจิตที่เป็นอลังขาริกสหรคตด้วย
โสมนัสทำกรรมนั้นนั่นแหละมี 3 โมฆวาระในอิฏรารมณ์ที่มาสู่คลองจักขุวาร
โดยนัยที่กล่าวแล้วนั่นเอง ในที่สุดลงแห่งอสังขาริกชวนจิตที่สหรคตด้วย
โสมนัสที่เป็นทุเหตุกะ ตทารัมมณะ กล่าวคือมูลภวังค์เช่นเดียวกับจิตที่ทำกรรม
นั่นแหละก็เกิดขึ้น. ในที่สุดลงแห่งสังขาริกชวนจิต ตทารมณ์กล่าวคืออาคัน-
ตุกภวังค์เช่นเดียวกับจิตที่ทำกรรมนั่นแหละก็เกิดขึ้น. ในที่สุดลงแห่งชวนจิต
ที่สหรคตด้วยอุเบกขา 2 ดวง ในอิฏฐมัชฌัตตารมณ์เท่านั้น ตทารมณ์ 2
ดวง เช่นเดียวกับจิตที่ทำกรรมนั้นแหละเกิดขึ้น. ในอธิการนี้เท่านั้น ทวาร
* ไม่ปรากฏเลย.

แต่ละทวาร แบ่งจิตทวารละ 8 ดวง จึงรวมเป็นจิต 40 ดวงถ้วน. แต่เมื่อ
ถือเอาจิตที่ยังมิได้ถือเอาก็ได้จิตในจักขุทวาร 8 ดวง อีก 4 ดวง คือ โสต-
วิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ สละกายวิญญาณ จึงรวมเป็นจิต 12
ดวง เมื่อเจตนาดวงเดียวประกอบกรรมแล้วย่อมให้วิบากจิต 12 ดวง เกิดขึ้น
ได้ด้วยประการฉะนี้ กถาว่าด้วยการเปรียบด้วยผลมะม่วง และนิยาม 5 เป็นไป
ตามปกตินั่นแล. แม้ในปฏิสนธิที่สัตว์ถือเอาด้วยวิบากเช่นเดียวกับทุเหตุกจิต
ที่เหลือ ก็นัยนี้เหมือนกัน อนึ่ง ในทุเหตุกปฏิสนธินี้ ว่าโดยการเปรียบกับคน
หีบอ้อย ก็ได้คนหีบอ้อย 7 คน ในการอุปมานั้น พึงทราบการประกอบโดย
ทำนองแห่งนัยที่กล่าวกระทำคนรับจ้างหีบอ้อย 7 คนนั้น ตระเตรียมเครื่อง
หีบอ้อยแล้วทำเจ้าของอ้อยให้เป็นคนที่ 8 นั่นแหละ ข้าพเจ้ากล่าววาระที่ว่า
ทุเหตุกปฏิสนธิ ย่อมมีด้วยกรรมอันเป็นทุเหตุกะไว้ด้วยคำเพียงเท่านี้

ว่าด้วยอเหตุกปฏิสนธิ


บัดนี้ เป็นกถาว่าด้วยอเหตุกปฏิสนธิ อธิบายว่า เมื่อกรรมอันกุศลจิต
ที่เป็นทุเหตุกะ 4 ดวงทำแล้ว ปฏิสนธิของสัตว์ผู้ถือเอาด้วยจิตที่เป็นอเหตุก-
มโนวิญญาณธาตุสหรคตด้วยอุเบกขาเป็นกุศลวิบาก ไม่ควรกล่าวว่าเป็นเช่น
เดียวกับกรรมที่ให้ปฏิสนธิ เพราะกรรมเป็นทุเหตุกะ (ประกอบด้วยเหตุ 2)
ปฏิสนธิเป็นอเหตุกะ (จิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ). เมื่อบุคคลผู้ปฏิสนธิด้วย
อเหตุกจิตนั้นถึงความเจริญขึ้นแล้ว เมื่ออิฏฐมัชฌัตตารมณ์มาสู่คลองประสาท
ในจักขุทวารแล้ว ก็พึงทราบโมฆวาระ 3 วาระ โดยนัยก่อนนั่นแหละ แต่เมื่อ
กุศลจิตที่เป็นทุเหตุกะดวงใดดวงหนึ่งเป็นชวนะสิ้นสุดลง อเหตุกะจิตก็ตั้งอยู่ใน
ความเป็นตทารัมมณะ อเหตุกจิตนั้นได้ชื่อ 2 อย่างคือ มูลภวังค์ และตทา-
รัมมณะ ในอเหตุกจิตนี้ จิต 4 ดวง คือ จักขุวิญญาณ สัมปฏิจฉันนะ สันติรณะ