เมนู

ข้อนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ แล้วกล่าวว่า การบำเพ็ญประโยชน์เกื้อกูลของพระ-
สัพพัญญูโพธิสัตว์ทั้งหลายเป็นสภาพมีกำลังมาก เพราะฉะนั้น พระสัพพัญญู-
โพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมถือปฏิสนธิด้วยอสังขาริกจิต อันเป็นติเหตุกะ สหรคต
ด้วยกามาวจรกุศลวิบากมีเมตตาเป็นส่วนเบื้องต้น.

อธิบายทวารวิบากมาติกากถา


บัดนี้ ควรจะตั้งมาติกาในกถาทวารวิบาก ต่อไป.
พระจูฬนาคเถระผู้ทรงพระไตรปิฎกกล่าวไว้ก่อนว่า กุศลเจตนา
ดวงเดียวย่อมเกิดวิบากจิต 16 ดวง ในกุศลเจตนาดวงนี้แหละเป็นเหตุให้เกิด
วิบากจิต 12 ดวงบ้าง เป็นอเหตุกจิต 8 บ้าง ดังนี้.
ก็พระมหาทัตตเถระผู้อยู่ในวิหารโมรวาปีกล่าวว่า กุศลเจตนาหนึ่ง
ดวงย่อมเกิดวิบากจิต 12 ดวง ในกุศลเจตนาดวงนี้แหละเป็นเหตุให้เกิดวิบาก-
จิต 10 ดวงบ้าง อเหตุกจิต 8 บ้าง ดังนี้.
แต่พระมหาธัมมรักขิตเถระผู้ทรงพระไตรปิฎกกล่าวว่า กุศล-
เจตนาดวงเดียวย่อมเกิดวิบากจิต 10 ดวง ในกุศลเจตนาดวงนี้แหละ เป็น
อเหตุกจิต 8 ดังนี้.
ในฐานะนี้ พระเถระเหล่านั้นถือเอาเรื่องชื่อว่า สาเกตกปัญหา.
ได้ยินว่า พวกอุบาสกผู้อยู่ในเมืองสาเกต นั่งในศาลาสนทนากันถึง
ปัญหาว่า ในเจตนากรรมดวงเดียวที่ประกอบแล้ว จะมีปฏิสนธิอย่างเดียว
หรือหลายอย่าง ดังนี้ ไม่อาจวินิจฉัยได้ จึงพากันไปถามพระเถระผู้ทรงพระ-
อภิธรรม. พระเถระทั้งหลายให้พวกอุบาสกเหล่านั้นยอมรับด้วยคำว่า หน่อ
อันเดียวเท่านั้นย่อมออกจากเมล็ดมะม่วงอันเดียวฉันใด เจตนาเดียวก็มีปฏิสนธิ