เมนู

บทว่า สจฺจานุโลมิกญาณํ (สัจจานุโลมิกญาณ) ได้แก่ วิปัสส-
นาญาณที่คล้อยตามสัจจะ 4.
บทว่า มคฺคสมงฺคิสฺส ญาณํ ผลสมงฺคิสฺส ญาณํ (ญาณของ
ท่านผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรค ญาณของท่านผู้พร้อมเพรียงด้วยผล) ได้แก่
มรรคญาณและผลญาณนั่นแหละ.
ในนิทเทสแห่งบทว่า ทิฏฺฐิวิสุทฺธิ โข ปน (ความหมดจดแห่ง
ทิฏฐิ) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจำแนกญาณ 4 มี กัมมัสสกตญาณเป็นต้นนั่น-
แหละที่ตรัสไว้ในหนหลัง ด้วยบทมีอาทิว่า ยา ปญฺญา ปชานนา (ปัญญา
กิริยาที่รู้ชัด อันใด) ดังนี้.
ในนิทเทสแห่งบทว่า ยถา ทิฏฺฐิสฺส จ ปธานํ (ความเพียรแห่ง
บุคคลผู้มีทิฏฐิอันหมดจด) ได้แก่ ความเพียรที่ทรงแสดงด้วยบทมีอาทิว่า โย
เจตสิโก วิริยารมฺโภ
(การปรารภความเพียรทางใจอันใด) ดังนี้ มีคติอย่าง
ปัญญานั่นแหละ ในฐานะแห่งปัญญาที่เป็นโลกีย์ ก็พึงทราบว่าวิริยะนั้นเป็น
โลกีย์ ในฐานะแห่งโลกุตรปัญญา ก็พึงทราบว่า วิริยะนั้นเป็นโลกุตระ ดังนี้.

ว่าด้วยนิทเทสสังเวคทุกะ


พึงทราบวินิจฉัยในนิทเทสสังเวคทุกะ ต่อไป
บทว่า ชาติภยํ (กลัวชาติ) ได้แก่ ญาณที่เห็นชาติ (ความเกิด)
โดยความเป็นภัยตั้งอยู่. แม้ในญาณที่เห็นชราและมรณะโดยความเป็นภัยเป็นต้น
ก็นัยนี้แหละ.
ด้วยบทว่า อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ (เพื่อความไม่เกิดขึ้นแห่ง
อกุศลบาปธรรม) เป็นต้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสความเพียรอันเป็นเหตุของ