เมนู

อนึ่ง แผ่นหิน หรือแก้วมณี ชื่อว่า ไม่แตกไปด้วยวชิระ (ฟ้าผ่า)
ย่อมไม่มี วชิระตกไปในที่ใด ที่นั้นย่อมเป็นอันถูกขจัดแล้วทีเดียว วชิระ
เมื่อฟาดไปย่อมฟาดไปมิให้อะไรเหลือ ขึ้นชื่อว่า ทางที่วชิระผ่านไปแล้วจะไม่
เป็นสิ่งปรากฏอีก ชื่อว่า กิเลสที่อรหัตมรรคไม่ประหาณแล้วก็ย่อมไม่มีอย่างนั้น
เหมือนกัน แม้อรหัตมรรคย่อมกำจัดกิเลสทั้งสิ้น คือเมื่อยังกิเลสให้สิ้นไปย่อม
ให้สิ้นไปโดยไม่เหลือ เหมือนวชิระกำจัดอยู่ฉะนั้น ขึ้นชื่อว่า การกลับมาเกิด
อีกของกิเลสที่อรหัตมรรคประหาณแล้วย่อมไม่มี เหมือนทางที่วชิระผ่านไปแล้ว
ไม่กลับเป็นสิ่งปรากฏอีก ฉะนั้น.

ว่าด้วยนิทเทสพาลทุกะ


พึงทราบวินิจฉัยในนิทเทสพาลทุกะ ต่อไป
อหิริกะและอโนตตัปะปรากฏแล้วในพาลชนทั้งหลาย. อนึ่ง อหิริกะ
และอโนตตัปปะเหล่านั้นยังเป็นมูลแห่งพาลธรรมที่เหลือ ด้วยว่าคนที่ไม่มีหิริ
ไม่มีโอตตัปปะชื่อว่าไม่ทำอกุศลอะไร ๆ ย่อมไม่มี เพราะฉะนั้น ธรรมทั้ง 2
เหล่านั้นจึงตรัสแยกไว้ก่อนทีเดียว. แม้ในธรรมที่เป็นฝ่ายขาว (สุกกธรรม)
ก็นัยนี้แหละ. ในกัณหทุกะก็เหมือนกัน.

ว่าด้วยนิทเทสตปนียทุกะ


พึงทราบวินิจฉัยในนิทเทสตปนียทุกะ ต่อไป
บัณฑิตพึงทราบ ตปนธรรม (ธรรมที่เร่าร้อน) เพราะเหตุที่ทำ
และเพราะเหตุที่ไม่ทำ จริงอยู่ กายทุจริตเป็นต้น ย่อมให้เร่าร้อนเพราะเหตุที่
ทำ กายสุจริตเป็นต้น ย่อมให้เร่าร้อนเพราะเหตุที่ไม่ทำ จริงอย่างนั้น บุคคล
* วชิระ เป็นชื่อของฟ้าผ่าก็มี เป็นชื่ออาวุธของพระอินทร์ก็มี