เมนู

เก่า และสีช่อฟ้าเป็นต้น เพราะสีทั้งหมดนั้นรวมอยู่ในรูปที่เป็นเยวาปนกธรรม
ทั้งหลาย. รูปนี้แหละ แม้ต่างกันโดยประเภทมีสีเขียวเป็นต้น แต่รูปทั้งหมด
นั้นก็มิได้แตกต่างกันโดยลักษณะเป็นต้น.

ว่าโดยลักขณาทิจตุกะของรูป


จริงอยู่ รูปนี้แม้ทั้งหมดมีการกระทบจักขุเป็นลักษณะ (จกฺขุปฏิ-
หนนลกฺขณํ
) มีความเป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณเป็นรส (จกฺขุวิญฺญาณ-
สฺส วิสยภาวรสํ
) มีความเป็นโคจรของจักขุวิญญาณนั้นนั่นเองเป็น
ปัจจุปัฏฐาน (ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฏฺฐานํ) มีมหาภูตรูป 4 เป็นปทัฏฐาน.
ก็อุปาทารูปทั้งหมดเหมือนกับรูปนี้ ข้าพเจ้าจักกล่าวรูปที่แตกต่างกัน รูปที่
เหลือในนิทเทสนี้ พึงทราบโดยนัยที่กล่าวในจักขายตนนิทเทสนั่นแหละ.
จริงอยู่ ในจักขายตนนิทเทสนั้น นิทเทสมีจักขุเป็นประธานอย่าง
เดียว แต่ในรูปายตนนิทเทสนี้มีรูปเป็นประธาน. ในจักขายตนนิทเทสนั้น
มีชื่อ 10 อย่างมีคำว่า จกฺขุเปตํ (รูปนี้เป็นจักษุบ้าง) เป็นต้น. ในรูปาย-
ตนนิทเทสแม้นี้มีชื่อ 3 อย่าง มีคำว่า รูปํเปตํ เป็นต้น (นี้เรียกว่า รูปบ้าง
รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง
). รูปที่เหลือเป็นเช่นเดียวกันนั่นแหละ แม้ใน
รูปายตนนิทเทสนี้ ก็ตรัสวาระทั้งหลายไว้เหมือนตรัสวาระ 13 วาระ เพื่อ
กำหนดจักษุประดับด้วยนัยวาระ 4 วาระเหมือนกัน ฉะนี้แล.

อรรถกถาสัททายตนนิเทส


พึงทราบวินิจฉัยในนิทเทสแห่งสัททายตนะต่อไป.
บทว่า เภรีสทฺโท (เสียงกลอง) ได้แก่ เสียงกลองใหญ่และกลอง
ที่เขาตี. แม้เสียงตะโพน เสียงสังข์ เสียงบัณเฑาะว์ ก็เป็นเสียงมีเสียงตะโพน

เป็นต้น เป็นปัจจัย. เสียงที่เรียกว่าเพลงขับ ชื่อว่า เสียงขับร้อง. เสียง
คนตรีเนื่องด้วยพิณเป็นต้น เหลือจากที่กล่าวแล้ว ชื่อว่า เสียงประโคม
(วาทิตสทฺโท).

บทว่า สุมฺมสทฺโท (เสียงกรับ) ได้แก่ เสียงฉาบสำริดและกรับไม้
ตาล. บทว่า ปาณสทฺโท (เสียงปรบมือ) ได้แก่เสียงปรบด้วยฝามือ. บทว่า
สตฺตานํ นิคฺโฆสสทฺโท (เสียงร้องของสัตว์) ได้แก่ เสียงที่เปล่งโดยมีบท
และพยัญชนะไม่ปรากฏของสัตว์มากที่ประชุมกัน. บทว่า ธาตูนํ สนฺนิปาต-
สทฺโท
(เสียงกระทบกันของธาตุทั้งหลาย) ได้แก่ เสียงเสียดสีกันและกันของ
ต้นไม้ทั้งหลาย และเสียงตีระฆังเป็นต้น. เสียงของลมพัด ชื่อว่า เสียงลม.
เสียงของน้ำกำลังไหล หรือน้ำกระทบกัน ชื่อว่า เสียงน้ำ. เสียงสนทนา
เป็นต้นของพวกมนุษย์ ชื่อว่า เสียงมนุษย์. เว้นเสียงมนุษย์นั้นแล้ว เสียง
ที่เหลือทั้งหมด ชื่อว่า เสียงอมนุษย์. ด้วยบททั้ง 2 คือ เสียงมนุษย์และ
เสียงอมนุษย์นี้ เสียงทั้งหมดเป็นอันถือเอาแล้ว. แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น เสียงที่
ไม่ตรัสไว้ในพระบาลีที่เป็นไปในเวลาผ่าไม้ไผ่ และเสียงฉีกผ้าเก่าเป็นต้น พึง
ทราบว่ารวมเข้าในข้อว่า เยวาปนกสัททะ เสียงแม้ต่างกันโดยประเภทมีเสียง
กลองเป็นต้นอย่างนี้ แต่มิได้ต่างกันโดยลักษณะเป็นต้น.

ว่าโดยลักขณาทิจตุกะของเสียง


สพฺโพ เจโส โสตปฏิหนนลกฺขโณ สทฺโท

ก็เสียงทั้งหมดมี
การกระทบกับโสตเป็นลักษณะ โสตวิญฺญาณสฺส วิสยภาวรโส มีความ
เป็นอารมณ์ของโสตวิญญาณเป็นรส ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฏฺฐาโน มีความ
เป็นโคจรของโสตวิญญาณนั้นนั่นแหละเป็นปัจจุปัฏฐาน. คำที่เหลือพึงทราบ
โดยนัยที่กล่าวในจักขายตนนิทเทสนั่นแหละ แม้ในสัททายตนนิทเทสนี้ ก็ตรัส