เมนู

อันเดียวกันก็จริง ถึงอย่างนั้นก็มิได้ปะปนกันฉันใด ในกายแม้เหล่านั้น รูป 44
ก็ดี รูป 54 ก็ดี รูป 84 ก็ดี ก็ฉันนั้น เป็นดุจเนื่องเป็นอันเดียวกัน แต่
ก็ไม่ปะปนซึ่งกันและกันเลย ฉะนี้แล.

อรรถกถารูปายตนนิทเทส


พึงทราบวินิจฉัยในนิทเทสแห่งรูปายตนะต่อไป.
สี (วรรณะ) นั่นแหละ เรียกว่า วัณณนิภา อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า
นิภา เพราะอรรถว่า ย่อมเปล่งแสง อธิบายว่า ย่อมปรากฏแก่จักขุวิญญาณ
แสงคือสี ชื่อว่า วัณณนิภา. รูปที่ชื่อว่า สนิทัสสนะ (คือเป็นสิ่งที่เห็นได้)
โดยเป็นไปพร้อมกับการเห็น อธิบายว่า พึงเห็นด้วยจักขุวิญญาณ. รูปที่ชื่อว่า
สัปปฏิฆะ (กระทบได้) โดยความเป็นไปพร้อมกับสิ่งที่กระทบถูกเข้า การ
ยังความเสียดสีให้เกิด.
บรรดาสีมีสีเขียวครามเป็นต้น สีเขียวเหมือนดอกสามหาว สีเหลือง
เหมือนดอกกรรณิการ์ สีแดงเหมือนดอกชบา สีขาวเหมือนดาวประกายพรึก
สีดำเหมือนถ่านเผา สีหงสบาท แดงเรื่อเหมือนย่างทรายและดอกยี่โถ. ก็ทอง
ตรัสเรียกว่า หริ ดุจในคำนี้ว่า หริตจสามวณฺณกามํ สุมุข ปกฺกม
(ดูก่อนสุมุขะผู้มีผิวพรรณงามดังทอง ท่านจงหนีไปตามปรารถนาเถิด) ดังนี้
ก็จริง ถึงอย่างนั้น ทองนั้นทรงถือเอาด้วยศัพท์ว่า ชาตรูปะ ข้างหน้า แต่
ในนิทเทสนี้ ชื่อว่า หริ ได้แก่สีคล้ำ เพราะมิได้ทรงถือวัตถุทั้ง 7 เหล่านี้
แสดงโดยสภาวะนั่นเอง.
บทว่า หริวณฺณํ (สีเขียวใบไม้) คือสีเหมือนหญ้าแพรกสด. บทว่า
อมฺพงฺกุรวณฺณํ (สีม่วง) คือสีเหมือนหน่อมะม่วง. วัตถุทั้ง 2 เหล่านี้
ทรงถือเอาแสดงไว้โดยสภาวะ วัตถุ 12 มียาวและสิ้นเป็นต้น ทรงถือเอาแสดง