เมนู

ว่าด้วยวิธศัพท์


วิธศัพท์ในพระบาลีว่า เอวํ เอกวิเธน รูปสงฺคโห (สงเคราะห์
รูปเป็นหมวดหนึ่งอย่างนี้) นี้ใช้ในความหมายถึง มานะ สัณฐาน และ
โกฏฐาส.
จริงอยู่ มานะ ชื่อว่า วิธา ดังในประโยคมีอาทิว่า เสยฺโยหมสฺมีติ
วิธา สทิโสหมสฺมีติ วิธา
มานะว่า เราดีกว่าเขา มานะว่า เราเสมอ
เขา ดังนี้. สัณฐาน ชื่อว่า วิธา ดังในประโยคมีอาทิว่า กถํ วิธํ สีลวนฺตํ
วทนฺติ กถํ วิธํ ปญฺญวนฺตํ วทนฺติ
(บัณฑิตทั้งหลายเรียกคนมีสัณฐาน
อย่างไรว่า มีศีล เรียกคนมีสัณฐานอย่างไรว่า มีปัญญา) เพราะบทว่า กถํ
วิธํ
มีเนื้อความเหมือนบทว่า กถํ สณฺฐิตํ. โกฏฐาส ชื่อว่า วิธา ดุจ
ในประโยคมีอาทิว่า เอกวิเธน ญาณวตฺถุ ทุวิเธน ญาณวตฺถุ ญาณวัตถุ
หมวด 1 ญาณวัตถุหมวด 2. แม้ในอธิการนี้ก็ทรงประสงค์เอาโกฏฐาส.

ว่าด้วยสังคหศัพท์


แม้ใน สังคหสงเคราะห์ศัพท์ ก็มี 4 อย่าง ด้วยสามารถแห่ง ชาติ
สงเคราะห์ สัญชาติสงเคราะห์ กิริยาสงเคราะห์ และคณนสงเคราะห์.

ในสังคหะทั้ง 4 เหล่านั้น สังคหะ คือการสงเคราะห์ นี้ว่า ขอกษัตริย์
ทั้งปวงจงมา ขอพราหมณ์ทั้งปวงจงมา ขอแพทย์ทั้งปวงจงมา ขอศูทรทั้งปวง
จงมา และคำว่า ดูก่อนท่านวิสาขะ ธรรมเหล่านี้คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ
สัมมาอาชีวะ สงเคราะห์ลงในศีลขันธ์ ดังนี้ ชื่อว่า ชาติสงเคราะห์.
สังคหะ คือการสงเคราะห์นี้ว่า จริงอยู่ ในการสงเคราะห์นี้ ทั้งหมด
ถึงการสงเคราะห์เป็นพวกเดียวกัน ดุจในคำที่กล่าวว่า ผู้มีชาติเดียวกันจงมา

พวกชาวโกศลทั้งหมดจงมา พวกชาวมคธทั้งหมดจงมา พวกช่างไม้ทั้งหมด
จงมา และคำว่า ดูก่อนท่านวิสาขะ ธรรมเหล่านี้คือ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
สัมมาสมาธิ สงเคราะห์ลงในสมาธิขันธ์ ดังนี้ ชื่อว่า สัญชาติสงเคราะห์.
สังคหะ คือการสงเคราะห์ว่า จริงอยู่ ในการสงเคราะห์นี้ สิ่งทั้งหมด
ถึงการสงเคราะห์เป็นอันเดียวกัน โดยฐานะแห่งสัญชาติ โดยที่อยู่อาศัย
เหมือนในที่กล่าวว่าผู้เกิดในที่เดียวกัน เกี่ยวข้องกันโดยชาติในที่ทั้งปวงจงมา
นายหัตถาจารย์ทั้งปวงจงมา นายอัสสาจารย์ทั้งปวงจงมา นายรถทั้งปวงจงมา
และคำว่า ดูก่อนท่านวิสาขะ ธรรมเหล่านี้คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
สงเคราะห์ลงในปัญญาขันธ์ ดังนี้ ชื่อว่า กิริยาสงเคราะห์. เพราะสิ่งทั้งปวง
เหล่านี้ถึงการสงเคราะห์เป็นพวกเดียวกันด้วยเหตุ คือการกระทำของตน.
สังคหะคือการนับสงเคราะห์ที่กล่าวไว้ว่า จักขายตนะถึงการนับสงเคราะห์
เข้าในขันธ์ไหน ? จักขายตนะถึงการนับสงเคราะห์เข้าในรูปขันธ์ ถ้าว่า
จักขายตนะถึงการนับสงเคราะห์ในรูปขันธ์ไซร้ ด้วยเหตุนั้นนะท่านก็ต้องกล่าว
ว่า จักขายตนะนับสงเคราะห์ด้วยรูปขันธ์ ดังนี้ ชื่อว่า คณนสงเคราะห์.
ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาคณนสงเคราะห์ เพราะการนับสงเคราะห์นี้ ท่าน
อธิบายว่า ได้แก่ การนับรูปโดยส่วนเดียว. ในบททั้งปวงก็นัยนี้.

อรรถกถาแสดงทุกนิทเทส


ว่าด้วยจำแนกบทอุปาทา


บัดนี้ เมื่อจะทรงแสดงจำแนกบทคำถามที่วางไว้เป็นประธานบทแรก
เพราะสภาพแตกต่างกันในการสงเคราะห์รูปหมวดละ 2 เป็นต้น อย่างนี้ว่า
อตฺถิ รูปํ อุปาทา อตฺถิ รูปํ โน อุปาทา (รูปเป็นอุปาทาก็มี รูปที่