เมนู

อธิบายอสุภฌาน



ว่าด้วยรูปาวจรกุศล



บัดนี้ เพื่อแสดงรูปาวจรกุศลที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลสมควรแก่สัตว์
ผู้มีราคจริต ซึ่งเป็นไปด้วยอำนาจฌานเดียวในอารมณ์ต่างๆ นั่นแหละ จึงทรง
เริ่มคำเป็นอาทิว่า กตเม ธมฺมา กุสลา ดังนี้อีก.
บรรดาบทเหล่านั้น พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า อุทฺธุมาตกสญฺญา
สหคตํ
(สหรคตด้วยอุทธุมาตกสัญญา) เป็นต้นต่อไป.
ซากศพ ชื่อว่า อุทธุมาตะ เพราะพองขึ้นโดยความพองอืดขึ้น
ตามลำดับเพราะสิ้นชีวิต เหมือนลูกหนังพองด้วยลมฉะนั้น. ซากศพที่ชื่อว่า
อุทธุมาตะ นั่นเอง ชื่อว่า อุทธุมาตกะ. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า อุทธุมาตกะ
เพราะอรรถว่า เป็นซากศพพองขึ้นน่าเกลียด เพราะเป็นของปฏิกูล คำว่า
อุทธุมาตกะ นี้เป็นชื่อของซากศพอย่างนั้น. ซากศพที่มีผิวแตกออกโดย
ประการต่าง ๆ (ที่เน่า ) ท่านเรียกว่า วินีลกะ ซากศพที่ชื่อว่า วินีละ นั่นเอง
ชื่อว่า วินีลกะ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วินีลกะ เพราะเป็นของน่าเกลียดมี
สีเขียวคล้ำเพราะปฏิกูล. ก็คำว่า วินีลกะ นี้ เป็นชื่อของซากศพที่มีสีแดง
ในที่มีเนื้อมาก มีสีขาวในที่บ่มด้วยน้ำหนอง และมีสีเขียวโดยมากในที่สีเขียว
เช่นกันคลุมด้วยผ้าสีเขียว. ซากศพที่มีน้ำหนองอันไหลออกไปในที่แตกออก
แล้ว ชื่อว่า วิปุพพะ (น้ำหนองไหลออก) ซากศพที่มีน้ำหนองไหลออกนั่นเอง
ชื่อว่า วิปุพพกะ อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า วิปุพพกะ เพราะอรรถว่า น่า
เกลียดมีน้ำหนองไหลออกเพราะเป็นของปฏิกูล. คำว่า วิปุพพกะ นี้เป็นชื่อ
ชองซากศพที่เป็นเช่นนั้น.

ซากศพที่ขาดเป็น 2 ท่อน เรียกว่า วิฉิททะ ซากศพที่ชื่อว่า วิฉิททะ
นั่นเอง ชื่อว่า วิฉิททกะ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วิฉิททกะ เพราะอรรถว่า
น่าเกลียดเป็นท่อนต่าง ๆ เพราะเป็นของปฏิกูล. คำว่า วิฉิททกะนี้เป็นชื่อของ
ซากศพที่ขาดในท่ามกลาง.
ซากศพทั้งหลายที่มีสุนัขบ้านและสุนัขจิ้งจอกกัดกินโดยอาการต่าง ๆ
โดยกระจัดกระจายไป ชื่อว่า วิกขายิตะ ซากศพที่ชื่อว่า วิกขายิตะ นั่นเอง
ชื่อว่า วิกขายิตกะ อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า วิกขายิตกะ เพราะอรรถว่า
เป็นของน่าเกลียด เป็นของสัตว์กัดกิน เพราะเป็นของปฏิกูล. คำว่าวิกขายิตกะ
นี้เป็นชื่อของซากศพเช่นนั้น.
ซากศพที่กระจัดกระจายไป ชื่อว่า วิกขิตตะ ซากศพที่ชื่อว่า วิก-
ขิตตกะ
นั่นเอง ชื่อว่า วิกขิตตกะ อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า วิกขิตตกะ
เพราะอรรถว่า เป็นของน่าเกลียด เป็นของกระจัดกระจายไป เพราะเป็นของ
ปฏิกูล. คำว่า วิกขิตตกะ นี้เป็นชื่อซากศพที่กระจัดกระจายไปแต่ที่นั้น ๆ
อย่างนี้คือ มือไปทางหนึ่ง เท้าไปทางหนึ่ง ศีรษะไปทางหนึ่ง.
ซากศพที่ถูกฟันยับเยิน กระจัดกระจายโดยนัยก่อนนั่นแหละ ชื่อว่า
หตวิกขิตตกะ คำว่า หตวิกขิตตกะนี้ เป็นชื่อของซากศพที่ถูกสับฟันด้วย
ศัสตราในอวัยวะน้อยใหญ่ โดยอาการดังเพียงกากบาทกระจัดกระจายโดยนัยที่
กล่าวแล้วนั่นแหละ.
ซากศพที่มีโลหิตหยดเรี่ยไหลไปข้างโน้นข้างนี้ ชื่อว่า โลหิตกะ
คำว่า โลหิตกะนี้ เป็นชื่อของซากศพที่เปื้อนโลหิตไหลไป.

หมู่หนอนทั้งหลาย ท่านเรียกว่า ปุลุวา ซากศพที่เกลื่อนไปด้วยหมู่
หนอนชอนไช ชื่อว่า ปุลุวกะ คำว่า ปุลุวกะ นี้เป็นชื่อของซากศพที่เต็ม
ไปด้วยหมู่หนอน.
ซากศพที่มีกระดูกเท่านั้น เรียกว่า อัฏฐิกะ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า
อัฏฐิกะ เพราะอรรถว่า เป็นกระดูกอันน่าเกลียด เพราะเป็นของปฏิกูล
คำว่า อัฏฐิกะนี้ เป็นชื่อของซากศพที่มีร่างกระดูกบ้าง มีกระดูกท่อนหนึ่งบ้าง
ก็ซากศพเหล่านี้แหละเป็นชื่อของนิมิตที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยซากศพที่ขึ้นพอง
เป็นต้นเหล่านี้บ้าง ของฌานที่ได้ในนิมิตทั้งหลายบ้าง.
พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า อุทธุมาตกสัญญาเป็นต้นเหล่านั้นต่อไป.
สัญญาที่เกิดขึ้นด้วยสามารถอัปปนา ในซากศพที่ขึ้นพองเป็นนิมิต ชื่อว่า
อุทธุมาตกสัญญา. จิตที่สหรคตด้วยอุทธุมาตกสัญญานั้น เพราะอรรถว่าเป็น
สัมปโยคะ ชื่อว่า อุทธุมาตกสัญญาสหคตะ แม้ในจิตที่สหรคตด้วยวินีลก-
สัญญาเป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกัน. แต่ในอธิการแห่งอสุภะนี้ วิธีเจริญอันใดที่
พึงกล่าว วิธีเจริญนั้นข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้วในวิสุทธิมรรค แม้โดยประการทั้งปวง
การพรรณนาพระบาลีที่เหลือ พึงทราบโดยนัยที่กล่าวไว้แล้วนั่นแหละ ก็ใน
อสุภะนี้ แต่ละหมวดมีหมวดละ 25 ด้วยอำนาจแห่งปฐมฌานอย่างเดียว
เหมือนในอุเบกขาพรหมวิหารมีด้วยอำนาจจตุตถฌาน เพราะความที่อารมณ์ที่
เป็นอสุภะไม่พึงขยาย. อารมณ์นิมิตที่เกิดขึ้นในที่ซากศพอุทธุมาตกะมีเล็กน้อย
พึงทราบว่าเป็นปริตตารมณ์ ที่เกิดขึ้นในอุทธุมาตกะอันใหญ่เป็นอัปปมาณารมณ์
แม้ในอสุภะที่เหลือ ก็นัยนี้เหมือนกัน. (บาลีปกิณณกกถาว่า)

อิติ อสุภานิ สุภคุโณ
ทสสตโลจเนน ถุติกิตฺติ
ยานิ อโวจ ทสพโล
เอเกกชฺฌานเหตูนิ.
เอวํ ปาลินเยเนว ตาว สพฺพานิ ตานิ ชานิตฺวา
เตเสฺว อยํ ภิยฺโย ปกิณฺณกกถาปิ วิญฺเญยฺยา.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทศพลทรงพระ-
คุณอันงาม ทรงพระเกียรติ ควรแก่การ
สรรเสริญ ด้วยการแลเห็นตั้งพัน ควรแก่การ
อสุภะทั้งทลาย อันเป็นเหตุแห่งฌาน แต่ละ
อย่างไว้ ด้วยประการฉะนี้.
บัณฑิตทราบอสุภะทั้งหมดเหล่านั้น
โดยนัยแห่งพระบาลีอย่างนี้ก่อนแล้ว พึง
ทราบแม้กถาเบ็ดเตล็ดนี้ในอสุภะเหล่านั้น
นั่นแหละให้ยิ่งขึ้นไป.

จริงอยู่ บุคคลย่อมปราศจากความประพฤติโลเล (ความดิ้นรน )
ได้ ในเพราะอสุภะใดอสุภะหนึ่งในบรรดาอสุภะเหล่านั้น เหมือนผู้มีราคะไป
ปราศแล้ว เพราะความทำราคะอันตนข่มไว้ในฌานที่บรรลุแล้ว แม้เมื่อเป็น
เช่นนั้น ประเภทแห่งอสุภะนี้ใด ประเภทแห่งอสุภะนั้น พึงทราบว่า ตรัสไว้
โดยการถึงความเป็นไปเองแห่งซากศพ และด้วยอำนาจแห่งการทำลายราคจริต
เพราะซากศพเมื่อความเป็นของปฏิกูล ก็จะพึงถึงสภาพขึ้นพองของซากศพ
หรือถึงสภาพเป็นซากศพอย่างใดอย่างหนึ่งมีสีเขียวคล้ำเป็นต้น ด้วยเหตุนี้
กุลบุตรพึงกำหนดนิมิตในอสุภะอย่างใดเท่าที่จะหาได้อย่างนี้ว่า ซากศพที่พอง

ขึ้นเป็นของปฏิกูล ซากศพที่สีเขียวคล้ำเป็นของปฏิกูลเป็นต้น พึงทราบว่า
ตรัสประเภทอสุภะ 10 อย่าง ด้วยสามารถการถึงความเป็นเองของซากศพ
ดังนี้.

ว่าด้วยสัปปายะ 10 อย่าง



อนึ่ง ว่าโดยความแปลกกันในอสุภะ 10 เหล่านั้น ซากศพที่เป็น
อุทธุมาตกะ (พองขึ้น) เป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้ยินดีในสรีรสัณฐาน เพราะ
ประกาศความพิบัติลงสรีรสัณฐาน. ซากศพที่มีสีเขียวคล้ำเป็นสัปปายะแก่
บุคคลผู้ยินดีในสรีรวรรณะ เพราะประกาศความพิบัติความยินดีในผิว. ซาก
ศพที่มีน้ำหนองไหลเป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้ยินดีในกลิ่นแห่งสรีระที่ปรุงแต่ง
ขึ้นด้วยดอกไม้และของหอมเป็นต้น เพราะประกาศความเป็นกลิ่นเหม็น
อันเนื่องด้วยชนิดของศพ. ซากศพที่ถูกตัดเป็นท่อนเป็นสัปปยะแก่บุคคลผู้ยินดี
ในความเป็นฆนะ (แท่ง) แห่งสรีระ เพราะประกาศความโพรงแห่งกายใน
ภายใน. ซากศพที่ถูกสัตว์แทะกินเป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้ยินดีในที่มีเนื้อนูนใน
ส่วนแห่งร่างกายมีถันเป็นต้น เพราะประกาศความพินาศแห่งการสมบูรณ์ด้วย
เนื้อนูน. ซากศพที่มีอวัยวะกระจัดกระจายไปเป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้ยินดีในการ
เยื้องกรายแห่งอวัยวะน้อยใหญ่ เพราะประกาศความกระจัดกระจายแห่งอวัยวะ
น้อยใหญ่. ซากศพที่ถูกตัดเป็นท่อน ๆ เป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้ยินดีในการ
ถึงพร้อมแห่งโครงร่างกาย เพราะประกาศความพิการของโครงร่างกาย. ซากศพ
ที่มีเลือดติดเป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้ยินดีในความงามอันเกิดแต่การประดับ
ตกแต่ง เพราะประกาศความปฏิกูลโดยการเปื้อนเลือด. ซากศพที่มีหมู่หนอน
ชอนไชเป็นสัปปายะแก่บุคคลผู้ยินดีในร่างกายว่าเป็นของเรา เพราะประกาศ