เมนู

อธิบายอารมณ์และปฏิปทาเจือกัน



บัดนี้ เพื่อแสดงนัย 16 ครั้ง เจือด้วยอารมณ์และปฏิปทา จึงทรงเริ่มคำ
เป็นต้นว่า กตเม ธมฺมา กุสลา ดังนี้. บรรดานัยเหล่านั้น ฌานพระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสไว้ในนัยแรกชื่อว่า หีนะ เพราะเหตุ 4 อย่าง คือ เพราะเป็น
ทุกขาปฏิปทา (ปฏิบัติลำบาก) เพราะเป็นต้นทันธาภิญญา (รู้ได้ช้า) เพราะเป็น
ปริตตะ (ไม่ชำนาญ) เพราะเป็นปริตตารัมมณะ (มีอารมณ์เล็กน้อย) ฌานที่
ตรัสไว้ในนัยที่ 16 ชื่อว่า ปณีตะ เพราะเหตุ 4 อย่าง คือ เพราะเป็น
สุขาปฏิปทา เพราะเป็นขิปปาภิญญา เพราะเป็นอัปปมาณะ (ชำนาญ) เพราะเป็น
อัปปมาณารัมมณะ (มีอารัมณ์ไม่มีประมาณ). ในนัยที่เหลือ 14 นัย พึงทราบ
ความเป็นหีนะและปณีตะ ด้วยเหตุหนึ่งเหตุสองและเหตุสาม.
ถามว่า ก็นัยนี้ท่านแสดงไว้เพราะเหตุไร ?
ตอบว่า เพราะความเกิดขึ้นแห่งฌาน เป็นเหตุ.
จริงอยู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงสุทธิกฌานในปฐวีกสิณด้วย
สามารถแห่งฌานจตุกนัย และฌานปัญจตุกนัย ทรงแสดงสุทธิกปฏิปทา และ
สุทธิการมณ์ในปฐวีกสิณด้วยสามารถแห่งฌานจตุกนัย และฌานปัญจกนัย
เหมือนกัน. บรรดาจตุกนัยและปัญจกนัยทั้งสองเหล่านั้น เทวดาเหล่าใด ย่อม
อาจเพื่อจะตรัสรู้สุทธิกฌานในปฐวีกสิณที่พระองค์แสดงอยู่ด้วยสามารถแห่งฌาน
จตุกนัย ก็ทรงแสดงจตุกนัยในสุทธิกฌานด้วยสามารถแห่งสัปปายะแก่เทวดา
เหล่านั้น.
เทวดาเหล่าใด ย่อมอาจเพื่อจะตรัสรู้สุทธิกฌานในปฐวีกสิณที่พระองค์
ทรงแสดงด้วยสามารถแห่งฌานปัญจกนัย ก็ทรงแสดงปัญจกนัย ด้วยสามารถ
แห่งสัปปายะแก่เทวดาเหล่านั้น.