เมนู

โอฆะเป็นต้น ด้วยบทแรก (วิวิจฺเจว กาเมหิ) ย่อมเป็นอันตรัสวิเวกอันเป็น
เครื่องข่มกามโอฆะ กามโยคะ กามาสวะ กามุปทาน อภิฌากายคัณฐะ
และกามราคสัญโญชน์ ด้วยบทที่สอง (วิวิจฺจ อกุสเลหิ) ย่อมเป็นอันตรัส
วิเวกเป็นเครื่องข่มโอฆะ โยคะ อาสวะ อุปาทาน คัณฐะและสัญโญชน์ที่เหลือ
อนึ่ง ด้วยบทต้น (วิวิจฺเจว กาเมหิ) ย่อมเป็นอันตรัสวิเวกเป็นเครื่องข่ม
ตัณหาและธรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหานั้น ด้วยบทที่สอง (วิวิจฺ จ อกุสเลหิ)
ย่อมเป็นอันตรัสวิเวกเป็นเครื่องข่มอวิชชา และธรรมที่สัมปยุตด้วยอวิชชานั้น.
อีกนัยหนึ่ง ด้วยบทแรก (วิวิจฺเจว กาเมหิ) พึงทราบว่า ตรัสวิเวกเป็น
เครื่องข่มจิต 8 ดวงที่สัมปยุตด้วยโลภะ ด้วยบทที่สอง (วิวิจฺจ อกุสเลหิ)
ย่อมเป็นอันตรัสวิเวกเป็นเครื่องข่มอกุศลจิ ต 4 ดวงที่เหลือ. การประกาศ
เนื้อความในคำนี้ว่า วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ดังนี้
เท่านี้ก่อน.

ว่าด้วยองค์ฌาน



ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงองค์ที่ปฐมฌานละได้แล้ว ด้วยคำ
ประมาณเท่านี้บัดนี้ เพื่อแสดงสัมปโยคธรรม จึงตรัสคำเป็นต้นว่า สวิตกฺกํ
สวิจารํ
ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น ฌานตรัสเรียกว่า สวิตก สวิจาร
เพราะความเป็นไปร่วมกับวิตกและวิจาร ชื่อว่า ถึงความเป็นรูปาวจร
เพราะสัมปโยคะด้วยอัปปนา โดยการจำแนกลักษณะเป็นต้น ตามที่กล่าวใน
หนหลัง ดุจนี้ไม้ที่มีดอกและผล ฉะนั้น. แต่ในวิภังค์ท่านทำเทศนาเป็น
ปุคคลาธิฏฐาน โดยนัยมีอาทิว่าพระโยคาวจรเป็นผู้เข้าถึงแล้ว เข้าถึงพร้อมแล้ว
ด้วยวิตก ด้วยวิจารนี้. ส่วนเนื้อความในวิภังค์แม้นั้น พึงเห็นตามที่กล่าว
แล้วนั่นแหละ.