เมนู

บทว่า เกนจิ วิญฺเญยฺยา ได้แก่ พึงรู้ด้วยจักขุวิญญาณ หรือโสต-
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ในวิญญาณทั้งหลายมีจักขุวิญาณเป็นต้น บทว่า
เกนจิ น วิญฺเญยฺยา ได้แก่ ไม่พึงรู้ด้วยจักขุวิญญาณ หรือโสตวิญญาณนี้
นั่นแหละ ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้นมีอยู่ ทุกะแห่งบทแม้ทั้ง 2 ก็ต่างกัน
โดยอรรถ.

ว่าด้วยอาสวโคจฉกะ



พึงทราบวินิจฉัยในอาสวโคจฉกะ ต่อไป
ธรรมที่ชื่อว่า อาสวะ เพราะอรรถว่า ย่อมไหลไป อธิบายว่า
อาสวะเหล่านั้น ย่อมไหลไป คือ ย่อมเป็นไปทางจักษุบ้าง ฯลฯ ทางใจบ้าง.
อีกอย่างหนึ่ง ธรรมที่ชื่อว่า อาสวะ เพราะอรรถว่า เมื่อว่าโดยธรรม ย่อม
ไหลไปถึงโคตรภู ว่าโดยภูมิ (โอกาส) ย่อมไหลไปถึงภวัคคพรหม อธิบายว่า
กระทำธรรมเหล่านี้ และภูมิไว้ในภายในเป็นไป. เพราะว่า อาอักษรนี้มีอรรถ
ว่ากระทำไว้ภายใน ที่ชื่อว่า อาสวะ เพราะเป็นดุจเครื่องหมักดอง ด้วยอรรถว่า
หมักไว้นานมีเครื่องมึนเมาเป็นต้น จริงอยู่ เครื่องหมักดองที่หมักไว้นานมีเครื่อง
มึนเมาเป็นต้น ท่านเรียกว่า อาสวะในโลก. ก็ถ้าว่า ชื่อว่า อาสวะ เพราะ
อรรถว่า หมักไว้นาน อาสวะเหล่านั้นก็สมควรเป็นอย่างนั้น. สมดังพระดำรัส
ที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เงื้อนต้นของอวิชชาไม่ปรากฏก่อน ก่อนแต่นี้
อวิชชาก็มิได้มีเป็นต้น. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า อาสวะ เพราะอรรถว่า ย่อมไหล
ย่อมไหลไปสู่สังสารทุกข์ อันยาวนาน. นอกจากอาสวะนั้น ธรรมเหล่าอื่น ไม่ชื่อ
ว่าอาสวะ.