เมนู

พระเถระว่า " สาธุ สาธุ " ดังนี้ แล้วตรัสว่า " ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหากัจจายนะ
เป็นบัณฑิต มหากัจจายนะเป็นผู้มีปัญญามาก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถึงพวก
เธอพึงถามเนื้อความนี้กะเรา แม้เราก็พึงพยากรณ์เนื้อความนั้นเหมือนกับ
มหากัจจายนะนั่นแหละ " ดังนี้ จำเดิมแต่กาลที่พระศาสดาทรงอนุโมทนาแล้ว
อย่างนี้ พระสุตตันตะทั้งสิ้นชื่อว่าเป็นพุทธภาษิต แม้พระสูตรที่พระอานนทเถระ
เป็นต้นให้พิสดารแล้ว ก็นัยนี้เหมือนกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อทรงแสดง
ปกรณ์อภิธรรม 7 พอถึงกถาวัตถุ จึงทรงตั้งมาติกาไว้โดยนัยที่กล่าวแล้ว อนึ่ง
เมื่อทรงหยุด ได้ทรงเห็นเหตุนี้ว่า
" เมื่อเราปรินิพพานล่วงแล้ว 218 ภิกษุชื่อว่าโมคคัลลีปุตตติสสเถระ
นั่งในท่ามกลางภิกษุหนึ่งพันรูป แล้วจักประมวลพระสูตรหนึ่งพันสูตร คือ
ในสกวาทะห้าร้อยสูตร ในปรวาทะห้าร้อยสูตร แล้วจำแนกกถาวัตถุปกรณ์
มีประมาณเท่าทีฆนิกาย " ดังนี้ แม้พระโมคคัลลีปุตตติสสเถระเมื่อจะแสดง
ปกรณ์นี้ก็ไม่แสดงด้วยความรู้ของตน แต่แสดงตามมาติกาที่ตั้งไว้โดยนัยที่
พระศาสดาประทาน เพราะฉะนั้น ปกรณ์นี้ทั้งหมดจึงชื่อว่าเป็นพุทธภาษิต
โดยแท้ เพราะพระเถระแสดงตามมาติกาที่ตั้งไว้ โดยนัยที่พระศาสดาประทาน
แล้ว ปกรณ์ทั้ง 7 รวมทั้งกถาวัตถุจึงชื่อว่า " อภิธรรม " ด้วยประการฉะนี้.

ธรรมสังคณี



บรรดาปกรณ์ทั้งเจ็ดนั้น ในปกรณ์ธรรมสังคณีมีวิภัตติ (คือการจำแนก)
ไว้ 4 คือ
จิตตวิภัตติ (การจำแนกจิต)
รูปวิภัตติ (การจำแนกรูป)