เมนู

นาคราช ในกาลเสวยพระชาติเป็นภูริทัตตนาคราช ในกาลเสวยพระชาติเป็น
พญาฉัททันต์ ในกาลเสวยพระชาติเป็นราชบุตรของพระเจ้าทิศราช ในกาล
เสวยพระชาติเป็นอลีนจิตตกุมาร.
ก็เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นทำการบริจาคอัตภาพกล่าวไว้ในสังขปาลชาดก
อย่างนี้ว่า
เราแม้ถูกยิงด้วยลูกศรทั้งหลาย แม้
ถูกแทงด้วยหอกทั้งหลาย ก็ไม่โกรธบุตร
นายบ้าน นั่นเป็นศีลบารมีของเรา
ดังนี้
ชื่อว่า การบำเพ็ญศีลเป็นปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว.

ว่าด้วยเนกขัมมบารมีที่เป็นปรมัตถ์



อนึ่ง ชื่อว่า การปริมาณอัตภาพที่สละราชสมบัติใหญ่บำเพ็ญเนกขัมม-
บารมี มีคุณนับไม่ได้ คือ ในกาลที่เสวยพระชาติเป็นโสมนัสสกุมาร ในกาล
เสวยพระชาติเป็นหัตถิปาลกุมาร ในกาลเสวยพระชาติเป็นอโยฆรบัณฑิต.
ก็เมื่อพระโพธิสัตว์สละราชสมบัติออกผนวช เพราะการสละที่ท่าน
กล่าวไว้ในจูฬสุตตโสมชาดก อย่างนี้ว่า
เราสละเราสมบัติใหญ่ที่อยู่ในพระ-
หัตถ์ เหมือนสละก้อนเขฬะ เมื่อเราสละอยู่
ไม่มีความเสียดายเลย นั่นเป็นเนกขัมม-
บารมีของเรา
ดังนี้
ชื่อว่า การบำเพ็ญเนกขัมมะเป็นปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว.

ว่าด้วยปัญญาบารมีที่เป็นปรมัตถ์



อนึ่ง ชื่อว่า ปริมาณอัตภาพที่บำเพ็ญปัญญาบารมีที่มีคุณนับไม่ได้
คือ ในกาลที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นวิธูรบัณฑิต ในกาลที่เสวยพระชาติเป็น
บัณฑิตนามว่ามหาโควินท์ ในกาลเสวยพระชาติเป็นกุททาลบัณฑิต ในกาล
เสวยพระชาติเป็นอรกบัณฑิต ในกาลเสวยพระชาติเป็นโพธิปริพาชก ในกาล
เสวยพระชาติเป็นมโหสธบัณฑิต.
ก็เมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเสนกบัณฑิต ในสัตตุภัสตุชาดก
แสดงอยู่ซึ่งงูพิษในถุง ที่กล่าวไว้อย่างนี้ว่า
เราใช้ปัญญาพิจารณาอยู่ จึงช่วย
พราหมณ์ให้พ้นจากทุกข์ ปัญญาของเราไม่มี
ใครเสมอ นั่นเป็นปัญญาบารมีโดยของเรา
ดังนี้
ชื่อว่า การบำเพ็ญปัญญาเป็นปรมัตถบารมีโดยส่วนเดียว.

ว่าด้วยวิริยบารมีเป็นต้นที่เป็นปรมัตถ์



อนึ่ง ชื่อปริมาณอัตภาพที่บำเพ็ญแม้วิริยบารมีเป็นต้น เป็นคุณนับไม่
ได้ก็เหมือนกัน. ก็เมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นมหาชนกผู้ข้ามมหาสมุทร
ที่กล่าวไว้ในมหาชนกชาดก อย่างนี้ว่า
มนุษย์ทั้งหลายมองไม่เห็นฝั่ง พากัน
ตายไปในท่ามกลางมหาสมุทร จิตของเรา
มิได้เปลี่ยนเป็นอื่น นั่นเป็นวิริยบารมีของ
เรา
ดังนี้
ชื่อว่า การบำเพ็ญวิริยะเป็นปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว.