เมนู

ทั้งหลายไม่มี เป็นผู้น้อมไปในเนกขัมมะ
เป็นสัตบุรุษ ไม่ติดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่
ย่อมเที่ยวไป เพื่อประพฤติประโยชน์แก่ชาว
โลก ย่อมบำเพ็ญบารมีทั้งปวง
ดังนี้
เมื่อพระโพธิสัตว์บรรลุอานิสงส์เหล่านั้นมาบำเพ็ญบารมีทั้งหลายอยู่
ในกาลเสวยพระชาติเป็นอกิตติพราหมณ์ ในกาลเสวยพระชาติเป็นสังขพราหมณ์
ในกาลเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าธนัญชัย ในกาลเสวยพระชาติเป็นพระเจ้ามหา-
สุทัศนะ ในกาลเสวยพระชาติเป็นมหาโควินทะ ในกาลเสวยพระชาติเป็น
พระเจ้านิมิมหาราช ในกาลเสวยพระชาติเป็นพระจันทกุมาร ในกาลเสวย
พระชาติเป็นวิสัยหเศรษฐี ในกาลเสวยพระชาติเป็นสสบัณฑิต ในกาลเสวย
พระชาติเป็นพระเจ้าสีวิราช ในกาลเป็นพระเวสสันดร ดังนี้ ชื่อว่า ปริมาณ-
อัตภาพที่บำเพ็ญทานบารมี มีคุณนับไม่ได้.

ว่าด้วยทานที่เป็นปรมัตถ์



อนึ่ง เมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นสสบัณฑิต ได้สละอัตภาพ
ที่ท่านกล่าวไว้ในสสบัณฑิตชาดก อย่างนี้ว่า
เราเห็นพราหมณ์ผู้มาขอ จึงสละ
อัตภาพของตน ทานของเราไม่มีใครเสมอ
นั่นเป็นทานบารมีของเรา
ดังนี้.
ชื่อว่าการบำเพ็ญทานเป็นปรมัตถบารมีโดยส่วนเดียว.

ว่าด้วยศีลบารมีที่เป็นปรมัตถ์



อนึ่ง ชื่อว่า ปริมาณอัตภาพที่บำเพ็ญศีลบารมีมีคุณที่นับไม่ได้ คือ
ในกาลเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสีวิราช ในกาลเสวยพระชาติเป็นจัมเปยย-

นาคราช ในกาลเสวยพระชาติเป็นภูริทัตตนาคราช ในกาลเสวยพระชาติเป็น
พญาฉัททันต์ ในกาลเสวยพระชาติเป็นราชบุตรของพระเจ้าทิศราช ในกาล
เสวยพระชาติเป็นอลีนจิตตกุมาร.
ก็เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นทำการบริจาคอัตภาพกล่าวไว้ในสังขปาลชาดก
อย่างนี้ว่า
เราแม้ถูกยิงด้วยลูกศรทั้งหลาย แม้
ถูกแทงด้วยหอกทั้งหลาย ก็ไม่โกรธบุตร
นายบ้าน นั่นเป็นศีลบารมีของเรา
ดังนี้
ชื่อว่า การบำเพ็ญศีลเป็นปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว.

ว่าด้วยเนกขัมมบารมีที่เป็นปรมัตถ์



อนึ่ง ชื่อว่า การปริมาณอัตภาพที่สละราชสมบัติใหญ่บำเพ็ญเนกขัมม-
บารมี มีคุณนับไม่ได้ คือ ในกาลที่เสวยพระชาติเป็นโสมนัสสกุมาร ในกาล
เสวยพระชาติเป็นหัตถิปาลกุมาร ในกาลเสวยพระชาติเป็นอโยฆรบัณฑิต.
ก็เมื่อพระโพธิสัตว์สละราชสมบัติออกผนวช เพราะการสละที่ท่าน
กล่าวไว้ในจูฬสุตตโสมชาดก อย่างนี้ว่า
เราสละเราสมบัติใหญ่ที่อยู่ในพระ-
หัตถ์ เหมือนสละก้อนเขฬะ เมื่อเราสละอยู่
ไม่มีความเสียดายเลย นั่นเป็นเนกขัมม-
บารมีของเรา
ดังนี้
ชื่อว่า การบำเพ็ญเนกขัมมะเป็นปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว.