เมนู

ปทุมกถาที่ 8



ในกาลต่อจากพระอโนมทัสสีพุทธเจ้านั้น พระศาสดา พระนามว่า
ปทุมะ ก็ทรงอุบัติขึ้น แม้สาวกสันนิบาตของพระองค์ก็มี 3 ครั้ง ครั้งแรกมี
ภิกษุหนึ่งแสนโกฏิ ครั้งที่ 2 มีภิกษุสามแสนรูป ครั้งที่ 3 มีภิกษุผู้อาศัยอยู่
ป่าชัฏมหาวันในป่าเปลี่ยวมาประชุมสองแสนรูป.
ครั้งนั้น เมื่อพระตถาคตประทับอยู่ในป่าชัฏนั้นนั่นแหละ พระโพธิ-
สัตว์เป็นพญาสีหะ ได้เห็นพระศาสดาผู้เข้านิโรธสมาบัติแล้วมีจิตเลื่อมใสหมอบ
ลงจบ (ไหว้) กระทำประทักษิณ มีปีติโสมนัสเกิดแล้ว บันลือสีหนาท
สามครั้งไม่ละเว้นปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ไม่ออกไปหาอาหาร เพราะ
ความสุขอันเกิดแต่ปีตินั่นแหละ ได้ทำการสละชีวิตเข้าไปยืนเฝ้าอยู่ 7 วัน
ครั้นล่วงไป 7 วัน พระศาสดาทรงออกจากนิโรธแล้ว ทอดพระเนตรเห็น
พญาสีหะแล้วทรงดำริว่า สีหะนี้ยังจิตให้เลื่อมใสแม้ในหมู่ภิกษุแล้วจักจบสงฆ์
ขอสงฆ์จงมา ดังนี้ ภิกษุทั้งหลายมาแล้วในขณะนั้นทีเดียว พญาสีหะก็ยังจิต
ให้เลื่อมใสในสงฆ์ พระศาสดาทรงตรวจดูภูมิธรรมอันมีในใจของพญาสีหะจึง
พยากรณ์ว่า ในอนาคตกาล พญาสีหะนี้จักเป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้.
ก็พระนครของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น มีชื่อว่า จัมปกะ พระบิดาเป็น
พระราชาพระนามว่า อสมะ แม้พระมารดาก็ทรงพระนามว่า อสมา พระ-
สาลเถระและพระอุปสาลเถระเป็นคู่พระอัครสาวก พุทธุปัฏฐาก ชื่อว่า วรุณะ
พระรามาเถรีและพระสุรามาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ต้นไม้อ้อยช้างน้อย เป็น
ไม้ตรัสรู้ พระสรีระของพระองค์สูง 58 ศอก มีพระชนมายุหนึ่งแสนพรรษา
แล.
จบปทุมกถา