เมนู

13. สุวรรณสามจริยา


ว่าด้วยจริยาวัตรของสุวรรณสามดาบส


[33] ในกาลเมื่อเราเป็นดาบส อันท้าวสักกะ
เชื้อเชิญมาอยู่ในป่า เรากับราชสีห์และเสือ-
โคร่งในป่าใหญ่ ต่างน้อมเมตตาเข้าหากัน
เราเข้าใกล้ราชสีห์และเสือโคร่งในป่าใหญ่ได้
ด้วยเมตตา เราแวดล้อมด้วยราชสีห์ เสือโคร่ง
เสือเหลือง หมี กระบือ กวางดาวและหมู
อยู่ในป่าใหญ่ สัตว์อะไร ๆ มิได้สะดุ้งกลัว
เรา แม้เราก็มิได้กลัวสัตว์อะไร ๆ เพราะเรา
อันกำลังเมตตาค้ำจุน จึงยินดีอยู่ในป่า ในกาล
นั้น ฉะนี้แล.

จบ สุวรรณสามจริยาที่ 13

อรรถกถาสุวรรณสามจริยาที่ 13


พึงทราบวินิจฉัยในอรรถกถาสุวรรณสามจริยาที่ 13 ดังต่อไปนี้.
บทว่า สาโม ยทา วเน อาสึ คือในครั้งเมื่อเราเป็นดาบสกุมาร ชื่อสามะ
อยู่ในป่าใหญ่ใกล้ฝั่งแม่น้ำ ชื่อว่า มิคสัมมตา ณ หิมวันตประเทศ. บทว่า
สกฺเกน อภินิมฺมิโต ความว่า อันท้าวสักกะเชื้อเชิญให้มาเกิด เพราะ
สมบัติสืบทอดมาเกิดแก่ท้าวสักกะจอมเทพ.
ในสุวรรณสามจริยานั้น มีเรื่องราวเป็นลำดับดังต่อไปนี้. ในครั้งอดีต
ได้มีบ้านพรานบ้านหนึ่งใกล้ฝั่งแม่น้ำไม่ไกลจากกรุงพาราณสี. ณ บ้านเป็น
มีบุตรของพรานหัวหน้า ชื่อว่า ทุกูละ. แม้ใกล้ฝั่งแม่น้ำนั้นก็ได้มีบ้าน
พรานอีกบ้านหนึ่ง. ณ บ้านนั้นมีลูกสาวของพรานหัวหน้า ชื่อว่า ปาริกา.
ทั้งสองนั้นเป็นสัตว์บริสุทธิ์มาจากพรหมโลก. เมื่อทั้งสองเจริญวัยทั้ง ๆ ที่ไม่
ปรารถนา แต่มารดาบิดาก็จัดการสมรสให้จนได้. ทั้งสองก็มิได้ก้าวลงสู่
สมุทรคือกิเลส คือไม่ร่วมประเวณี อยู่ร่วมกันดุจพวกพรหมฉะนั้น. ทั้ง
ไม่ทำกรรมของพรานด้วย.
ครั้งนั้น มารดาบิดากล่าวกะทุกูละว่า ลูกรักลูกไม่ทำกรรมของพราน
ลูกไม่ปรารถนาอยู่ครองเรือน ลูกจะทำอะไร ? ทุกูละกล่าวว่า เมื่อพ่อแม่
อนุญาต ลูกจะขอบวช. มารดาบิดากล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นลูกจงบวชเถิด. ชน