เมนู

6. มูคผักขจริยา1


ว่าด้วยจริยาวัตรของมูคผักขกุมาร


[26] อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลเมื่อเราเป็นพระราช-
โอรสของพระเจ้ากาสี ชนทั้งหลายเรียกเรา
โดยชื่อว่า มูคผักขกุมารบ้าง เตมิยกุมารบ้าง
ในกาลนั้น พระสนมนางในหมื่นหกพัน ไม่มี
พระราชโอรส โดยวันคืนล่วงไป ๆ เราบังเกิด
ผู้เดียว พระบิดารับสั่งให้ตั้งเศวตรฉัตร ให้
เลี้ยงดูเราผู้เป็นบุตรสุดที่รัก อันได้ด้วยยาก
เป็นอภิชาตบุตร ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง บนที่
นอนในกาลนั้น เรานอนอยู่บนที่นอนอันอ่อน
นุ่ม ตื่นขึ้นแล้วได้เห็นเศวตรฉัตรอันเป็นเหตุ
ให้เราไปสู่นรก ความสะดุ้งหวาดกลัวเกิดขึ้น
แล้วแก่เรา พร้อมกับได้เห็นฉัตร เราถึงความ
วินิจฉัยว่า เมื่อไรหนอ เราจึงจะเปลื้องราช-
สมบัตินี้ได้ เทพธิดาผู้เป็นสายโลหิตของเรามา


1. พม่า เป็น เตมิยจริยา.

ก่อน ผู้ใคร่ประโยชน์ต่อเรา นางเห็นเราผู้
ประกอบด้วยทุกข์ จึงแนะนำให้เราประกอบ
ในเหตุ 3 ประการ ว่าท่านจงอย่าแสดงความ
เป็นบัณฑิต จงแสดงความเป็นคนโง่แก่ชน
ทั้งปวง ชนทั้งหมดนั้นก็จะดูหมิ่นท่าน
ประโยชน์จักมีแก่ท่านด้วยอาการอย่างนี้ เมื่อ
เทพธิดากล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้กล่าวดังนี้ว่า
ดูก่อนนางเทพธิดา ข้าพเจ้าจะทำตามคำที่ท่าน
กล่าวกะเราฉันนั้น ท่านเป็นผู้ปรารถนา
ประโยชน์ เป็นผู้ใคร่ความเกื้อกูลแก่ข้าพเจ้า
แม่เทพธิดา ครั้นเราได้ฟังคำของเทพธิดานั้น
แล้ว เหมือนดังได้พบฝั่งในสาคร ร่าเริงดีใจ
ได้อธิษฐานองค์ 3 ประการ คือ เราเป็นคนใบ้
เป็นคนหนวก เป็นคนง่อยเปลี้ย เว้นจากคติ
เราอธิษฐานองค์ 3 ประการนี้อยู่ 16 ปี ครั้งนั้น
เสนาบดีเป็นต้นตรวจดูมือเท้า ลิ้น และช่องหู
ของเราแล้ว เห็นความไม่บกพร่องของเรา

ติเตียนว่าเป็นคนกาลกรรณี ทีนั้นชาวชนบท
เสนาบดี และปุโรหิตทั้งปวงร่วมใจกันทั้งหมด
พลอยดีใจการที่รับสั่งให้นำไปทิ้ง เรานั้นได้ฟัง
ความประสงค์ของเสนาบดีเป็นต้นนั้นแล้ว
ร่าเริงดีใจว่า เราประพฤติตบะมาเพื่อประโยชน์
ใด ประโยชน์นั้นจะสำเร็จแก่เรา ราชบุรุษ
ทั้งหลายอาบน้ำให้เรา ไล้ทาด้วยของหอม สวม
ราชมงกุฎราชาภิเศกแล้ว มีฉัตรที่บุคคลถือไว้
ให้ทำประทักษิณพระนคร ดำรงเศวตรฉัตรอยู่
7 วัน พอดวงอาทิตย์ขึ้นนายสารถีอุ้มเราขึ้น
รถ เข้าไปยังป่า นายสารถีหยุดรถไว้ ณ โอกาส
หนึ่งปล่อยรถเทียมม้าพอพ้นมือ ก็ขุดหลุม
เพื่อจะฝังเราเสียในแผ่นดิน พระมหากษัตริย์
ทรงคุกคามการอธิษฐาน ที่เราอธิษฐานไว้
ด้วยเหตุต่าง ๆ แต่เราก็ไม่ทำลายการอธิษฐาน
นั้น เพราะเหตุแห่งโพธิญาณนั่นเอง เราจะ
เกลียดพระมารดาพระบิดาก็หามิได้ เราจะ

เกลียดตนเองก็หามิได้ แต่พระสัพพัญญุตญาณ
เป็นที่รักของเรา เพราะฉะนั้นแหละ เราจึง
อธิษฐานองค์ 3 ประการนั้น เราอธิษฐานองค์
3 ประการนี้อยู่ 16 ปี ผู้เสมอด้วยอธิษฐาน
ของเราไม่มี นี้เป็นอธิษฐานบารมีของเรา ฉะนี้
แล.

จบ มูคผักขจริยาที่ 6

อรรถกถามูคผักขจริยาที่ 6


พึงทราบวินิจฉัยในอรรถกถามูคผักขจริยาที่ 6 ดังต่อไปนี้. บทว่า
กาสิราชสฺส อตฺรโช คือในกาลเมื่อเราเป็นโอรสของพระเจ้ากาสี. ใน
กาลนั้น ชื่อว่า มูคผักขะ. ชนทั้งหลายเรียกเราว่า เตมิยะ. ควรเชื่อม
ความว่า ชนทั้งหลายทั้งปวงตั้งแต่พระมารดาพระบิดาเป็นต้นเรียกเราว่า
มูคผักขะ เพราะอธิษฐานเป็นคนใบ้และเป็นคนง่อยเปลี้ย. อนึ่ง เพราะ
พระมหาสัตว์นั้นยังหทัยของพระราชาและของอำมาตย์เป็นต้นให้ชุ่ม อัน
เกิดด้วยปีติและสิเนหาอย่างยิ่ง. ฉะนั้น จึงได้พระนามว่า เตมิยกุมาร.
บทว่า โสฬสิตถีสหสฺสานํ คือ สนมของพระเจ้ากาสี 16,000
บทว่า น วิชฺชติ ปุโม คือ ไม่มีพระโอรส มิใช่ไม่มีพระโอรสอย่างเดียว
เท่านั้น แม้พระบิดาของพระองค์ก็ไม่มี. บทว่า อโหรตฺตานํ อจฺจเยน