เมนู

พรรณาวงศ์พระโคดมพุทธเจ้าที่ 25



เรื่องนิทานกาลไกล



เพราะเหตุที่ถึงลำดับการพรรณนาวงศ์ ของพระ-
พุทธเจ้าของเราแล้ว ฉะนั้น บัดนี้จะพรรณาวงศ์
พระพุทธเจ้าของเรานั้น ดังต่อไปนี้.

ในนิทานกาลไกลนั้น พระโพธิสัตว์ของเราทรงทำอธิการในสำนักของ
พระพุทธเจ้า 24 พระองค์ มีพระทีปังกรพุทธเจ้าเป็นต้น มาถึงสี่อสงไขย
กำไรแสนกัป แต่ส่วนกาลภายหลังของพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะไม่มีพระพุทธ-
เจ้าพระองค์อื่น เว้นแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้. ดังนั้น พระโพธิสัตว์
ได้พยากรณ์ในสำนักพระพุทธเจ้า 24 พระองค์ ก็ทรงบำเพ็ญพุทธการกธรรม
มีทานบารมีเป็นต้น ที่พระโพธิสัตว์ ผู้รวบรวมธรรม 8 ประการ เหล่านี้ว่า
อภินีหาร ย่อมสำเร็จได้ เพราะรวบรวมธรรม 8 ประการ คือ
1. มนุสัตตะ เป็นมนุษย์
2. ลิงคสัมปัตติ เป็นเพศบุรุษ
3. เหตุ มีอุปนิสสยสมบัติบรรลุมรรคผลได้
4. สัตถารทัสสนะ พบพระพุทธเจ้าขณะที่ยัง
ทรงพระชนม์อยู่
5. ปัพพัชชา บวชเป็นดาบสหรือภิกษุอยู่
6. คุณสมบัติ ได้สมาบัติ 8 และอภิญญา 5
7. อธิการ อาจสละชีวิตแก่พระพุทธเจ้าได้
8. ฉันทตา มีฉันทะ อุตสาหะ บำเพ็ญพุทธ-
การกธรรม.

แล้วทำอภินีหารแทบเบื้องบาทพระทีปังกรพุทธเจ้า แล้วทำอุตสาหะว่า จำเรา
จะเลือกเฟ้นพุทธการกธรรม อย่างโน้นอย่างนี้แสดงไว้ว่า ครั้งนั้น เราเมื่อ
เลือกเฟ้นก็ได้เห็นทานบารมีเป็นอันดับแรก ดังนี้ ตราบจนมาถึงอัตภาพเป็น
พระเวสสันดรและเมื่อมาถึงก็มาประสบอานิสงส์แห่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ผู้ทำ
อภินีหารไว้แล้ว ที่ทรงสรรเสริญไว้ว่า
พระนิยตโพธิสัตว์ ถึงพร้อมด้วยองค์ครบถ้วน
อย่างนี้ แม้ท่องเที่ยวไปตลอดกาลยาวนานนับร้อย
โกฏิกัป ก็ไม่เกิดในอเวจีและในโลกันตริกนรก
ไม่เกิดเป็นนิชฌามตัณหิกเปรต ขุปปิปาสิกเปรต กาฬ-
กัญชิกาสูร แม้เข้าถึงทุคติ ก็ไม่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก
เมื่อเกิดในหมู่มนุษย์ ก็ไม่เป็นคนตาบอดแต่กำเนิด
โสตก็ไม่วิกลบกพร่อง ไม่เป็นคนประเภทใบ้ ไม่เป็น
สตรี ไม่เป็นคนสองเพศและไม่เป็นบัณเฑาะก์.
พระนิยตโพธิสัตว์ ไม่เป็นผู้นับเนื่องดังกล่าว
พ้นจากอนันตริยกรรม มีโคจรบริสุทธิ์ในภพทั้งปวง
ไม่เสพมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นว่ากรรมเป็นอันทำมีผล
แม้อยู่ในสวรรค์ทั้งหลาย ก็ไม่เข้าถึงอสัญญีภพ ทั้ง
ไม่มีเหตุที่ไปเกิดในเทพชั้นสุทธาวาส เป็นผู้น้อมไป
ในเนกขัมมะ เป็นสัตบุรุษ ไม่เกาะเกี่ยวในภพใหญ่
น้อย บำเพ็ญแต่โลกัตถจริยาทั้งหลาย บำเพ็ญบารมี
ทั้งปวง.

เมื่อมาประสบอานิสงส์อย่างนี้ ก็ตั้งอยู่ในอัตภาพเป็นพระเวสสันดร ทำบุญยิ่ง
ใหญ่ ที่ทำให้มหาปฐพีไหวเป็นต้นอย่างนี้ว่า
แผ่นปฐพีนี้ไม่มีใจ ไม่รู้สึกสุขทุกข์ แผ่นปฐพี
แม้นั้น ก็ไหวถึง 7 ครั้ง เพราะกำลังทานของเรา.

ุสุดท้ายแห่งอายุ ก็จุติจากอัตภาพนั้น บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต.

เรื่องนิทานกาลใกล้


เมื่อพระโพธิสัตว์กำลังอยู่ในภพดุสิต ธรรมคำว่าพุทธโกลาหลก็เกิด
ขึ้น. จริงอยู่ เกิดโกลาหลขึ้นในโลก 3 อย่าง คือ กัปปโกลาหล พุทธโกลาหล
และจักกวัตติโกลาหล บรรดาโกลาหลทั้ง 3 นั้น เหล่าเทวดาชั้นกามาวจร
ชื่อว่า โลกพยูหะ ทราบว่า ล่วงไปแสนปีกัปจักตั้งขึ้น ดังนี้ ปล่อยผมสยาย
ร้องไห้เอาหัตถ์ฟายน้ำตา นุ่งห่มผ้าแดง ทรงเพศแปลก ๆ อย่างยิ่ง เที่ยวไป
ในถิ่นมนุษย์ บอกกล่าวว่า ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ล่วงไปแสนปีนับ
แต่วันนี้ไปกัปจักตั้งขึ้น โลกนี้จักพินาศไป แม้มหาสมุทรก็จักเหือดแห้ง มหา
ปฐพีแผ่นนี้และขุนเขาสิเนรุ จักมอดไหม้พินาศไป ความพินาศจักมีจนถึง
พรหมโลก ดูก่อนท่านผู้นี้นิรทุกข์ พวกท่านจงเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา
อุเบกขา จงบำรุงมารดาบิดา จงเป็นผู้ยำเกรงในท่านผู้ใหญ่ในตระกูล ดังนี้
นี้ชื่อว่า กัปปโกลาหล.
เทวดาฝ่ายโลกบาลทราบว่า ล่วงไปพันปี จักเกิดพระสัพพัญญู-
สัมพุทธเจ้าขึ้นในโลก จึงเที่ยวไปโฆษณาว่า ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ ตั้งแต่นี้
ล่วงไปพันปี จักเกิดพระพุทธเจ้าขึ้นในโลก ดังนี้ นี้ชื่อว่า พุทธโกลาหล.