เมนู

24. วงศ์พระกัสสปพุทธเจ้าที่ 24



ว่าด้วยพระประวัติของพระกัสสปพุทธเจ้า



[25] ต่อมาจากสมัยของ พระโกนาคมนพุทธ-
เจ้า ก็มีพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ผู้สูงสุด
แห่งสัตว์สองเท้า จอมทัพธรรม ผู้ทำพระรัศมี.
เรือนของตระกูล มีข้าวนำโภชนะมาก ก็สลัด
ทิ้งแล้ว ให้ทานแก่พวกยาจก ยังใจให้เต็มแล้วทำลาย
เครื่องผูกพันดังคอก เหมือนโคอุสภะพังคอกฉะนั้น
ก็บรรลุพระสัมโพธิญาณสูงสุด.
เมื่อพระกัสสปพุทธเจ้าผู้นำโลก ทรงประกาศ
พระธรรมจักร อภิสมัยครั้งที่ 1 ก็ได้มีแก่สัตว์สอง
หมื่นโกฏิ.
ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จจาริกในเทวโลก 4 เดือน
อภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่ตัวหนึ่งหมื่นโกฏิ.
ครั้งทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ประกาศพระสัพ-
พัญญุตญาณ อภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่สัตว์ห้าพันโกฏิ.
พระชินพุทธเจ้าประทับนั่ง ณ สภา ชื่อ สุธรรมา
ณ ดาวดึงส์เทวโลกทรงประกาศพระอภิธรรม ทรงยัง
เทวดาสามพันโกฏิให้ตรัสรู้.
อีกครั้งหนึ่ง ทรงแสดงธรรมโปรดนรเทวยักษ์
อภิสมัยของสัตว์เหล่านั้น นับจำนวนไม่ถ้วน.

พระผู้เป็นเทพแห่งเทพพระองค์นั้น ทรงมีสัน-
นิบาต ประชุมพระสาวกขีณาสพผู้ไร้มลทิน มีจิตสงบ
คงที่ ครั้งเดียว.
ครั้งนั้น เป็นสันนิบาตประชุมพระภิกษุสาวก
สองหมื่น ผู้เป็นพระขีณาสพล่วงภพ เสมอกันด้วยหิริ
และศีล.
ครั้งนั้น เราเป็นมาณพ ปรากฏชื่อว่า โชติปาละ
ผู้คงแก่เรียน ทรงมนต์ จบไตรเพท ถึงฝั่งในลัทธิ
ธรรมของตน ในลักษณศาสตร์ และ อิติหาสศาสตร์
ฉลาดรู้พื้นดินและอากาศ สำเร็จวิชาอย่างสมบูรณ์.
อุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะ ชื่อว่า
ฆฏิการะ ผู้น่าเคารพ น่ายำเกรง อันพระองค์ทรง
แนะนำในอริยผลที่ 3 [อนาคามีผล]
ท่านฆฏิการอุบาสกพาเราเข้าเฝ้าพระกัสสปชิน-
พุทธเจ้า เราฟังธรรมแล้วก็บวชในสำนักของพระองค์.
เราเป็นผู้ปรารภความเพียร ฉลาดในข้อวัตรน้อย
ใหญ่ไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าในคุณข้อไหนๆ ยังคำสั่งสอน
ของพระชินพุทธเจ้าให้บริบูรณ์อยู่.
เราเล่าเรียนนวังคสัตถุศาสน์ พุทธวจนะตลอด
ทั้งหมด ยังพระศาสนาของพระชินพุทธเจ้าให้งามแล้ว.

พระพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้น ทรงเห็นความอัศ-
จรรย์ของเรา ก็ทรงพยากรณ์ว่า ในภัทรกัปนี้ ท่านผู้นี้
จักเป็นพระพุทธเจ้า.
พระตถาคต ออกอภิเนษกรมณ์จากกรุงกบิลพัสดุ์
อันน่ารื่นรมย์ ตั้งความเพียร ทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคตประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
รับข้าวมธุปายาส ณ ที่นั้นแล้วเสด็จเข้าไปยังแม่น้ำ
เนรัญชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริม
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขาจัด
แต่งไว้ เข้าไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ ทรงทำประทัก-
ษิณโพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิ-
พฤกษ์ชื่อต้นอัสสัตถะ.
ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพระนามว่า พระนางมายา
พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ท่านผู้นี้จักมี
พระนามว่า โคตมะ.
จักมีพระอัครสาวกชื่อว่าพระโกลิตะ และพระ-
อุปติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่าพระอานันทะ จักบำรุง
พระชินเจ้าผู้นี้.

จักมีพระอัครสาวิกา ชื่อ พระเขมา และพระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่าต้นอัสสัตถะ.
จักมีอัครอุปัฏฐาก ชื่อว่าจิตตะ และหัตถกะ
อาฬวกะ อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่านันทมาตาและอุตตรา
พระโคตมะผู้มีพระยศ จักมีพระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์แลเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนี้ของ
พระผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่แล้ว ก็ปลาบ
ปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุ ทั้งเทวดา พากันโห่ร้องปรบมือ
หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดพระศาสนาของพระโลก-
นาถพระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่
ต่อหน้าของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำข้าง
หน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลัง ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว จิตก็ก็ยิ่งเลื่อม
ใส จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญ
บารมี 10 ให้บริบูรณ์.

เราท่องเที่ยวไปอย่างนี้ เว้นเด็ดขาดจากการ
อนาจารเราทำแต่กิจกรรมที่ทำได้ยาก ก็เพราะเหตุ
อยากได้พระโพธิญาณอย่างเดียว.
พระนคร ชื่อว่าพาราณสี มีกษัตริย์พระนามว่า
พระเจ้ากีกิ ตระกูลของพระกัสสปพุทธเจ้าเป็นตระกูล
ใหญ่ อยู่ในพระนครนั้น.
พระกัสสปพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่มีพระชนก
เป็นพราหมณ์ชื่อว่า พรหมทัตตะ พระชนนีเป็น
พราหมณีชื่อว่าธนวดี.
พระองค์ครองฆราวาสวิสัยอยู่สองพันปี มีปรา-
สาทชั้นเยี่ยม 3 หลัง ชื่อว่าหังสะ ยสะ และ สิริจันทะ
มีนางบำเรอสี่หมื่นปีแปดพันนางมีพระนางสุนันทาเป็น
ประมุข มีพระราชบุตรพระนามว่า วิชิตเสนะ.
พระผู้สูงสุดในบุรุษ ทรงเห็นนิมิต 4 ออก
อภิเนษกรมณ์ด้วยปราสาท ทรงบำเพ็ญเพียร 7 วัน.
พระมหาวีระกัสสปะ ผู้นำโลก สูงสุดในนรชน
อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระ-
ธรรมจักร ณ มิคทายวัน.
พระกัสสปพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีพระ-
อัครสาวก ชื่อว่าพระติสสะ และพระภารทวาชะ
พุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระสัพพมิตตะ.
มีพระอัครสาวิกา ชื่อว่าพระอนุลา และพระอุรุ
เวลา โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น
เรียกว่าต้นนิโครธ.

มีอัครอุปัฏฐากชื่อว่าสุมังคละและฆฏิการะ มี
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่าวิชิตเสนา และภัททา.
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น สูง 20 ศอก เหมือน
สายฟ้าแลบในอากาศ เหมือนดวงจันทร์ทรงกลด.
พระองค์ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีพระชนมายุสอง
หมื่นปี พระองค์มีพระชนม์ยืนถึงเพียงนั้น จึงยังหมู่
ชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆะ.
พระองค์ ทรงสร้างสระธรรม ประทานศีลเป็น
เครื่องลูบไล้ ทรงนุ่งผ้าธรรม แจกจ่ายพวงมาลัยธรรม.
ทรงตั้งธรรมอันใสสะอาดเป็นกระจกแก่มหาชน
คนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ปรารถนาพระนิพพานก็จักดู
เครื่องประดับของเรา.
ประทานศีลเป็นเสื้อ ฌานเป็นเกราะหนัง ห่ม
ธรรมเป็นหนัง [เสือ] ประทานเกราะสวมอันสูงสุด.
ประทานสติเป็นโล่ ญาณเป็นหอกคมกริบ
ประทานธรรมเป็นพระขรรค์อย่างดี ศีลเป็นเครื่อง*
ย่ำยีศัตรู.
ประทานวิชชา 3 เป็นเครื่องประดับ ผล 4 เป็น
มาลัยคล้องคอ ประทานอภิญญา 6 เป็นอาภรณ์ ธรรม
เป็นดอกไม้ประดับ.


1. อ. สีลสํสคฺคฆทฺทนํ ศีลเป็นเครื่องย่ำยีความคลุกคลี

พระองค์ทั้งพระสาวก ประทานพระสัทธรรม
เป็นเศวตฉัตรไว้ป้องกันบาป ทรงเนรมิตดอกไม้คือ
ทางอันไม่มีภัย แล้วก็ดับขันธปรินิพพาน.
นั่นคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระคุณหา
ประมาณมิได้ อันใครเข้าเฝ้าได้ยาก.
นั่นคือพระธรรมรัตนะ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตรัสไว้ดีแล้ว ควรเรียกให้มาดู.
นั่นคือพระสังฆรัตนะ ผู้ปฏิบัติดียอดเยี่ยมทั้งนั้น
ก็อันตรธานไปสิ้น สังขารทั้งปวงก็ว่างเปล่า แน่แท้.
พระชินศาสดา มหากัสสปพุทธเจ้า ดับขันธ-
ปรินิพพาน ณ พระวิหารเสตัพยาราม ชินสถูปของ
พระองค์ ณ พระวิหารนั้น สูงหนึ่งโยชน์.
จบวงศ์พระกัสสปพุทธเจ้าที่ 24

พรรณนาวงศ์พระกัสสปพุทธเจ้าที่ 24



ภายหลังต่อมาจากสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าโกนาคามนะ เมื่อพระศาสนา
ของพระองค์อันตรธานแล้ว สัตว์ที่มีอายุสามหมื่นปี ก็เสื่อมลดลงโดยลำดับจน
ถึงมีอายุสิบปี แล้วเจริญอีก จนมีอายุนับไม่ถ้วน แล้วก็เสื่อมลดลงอีกโดยลำดับ
เมื่อสัตว์เกิดมามีอายุสองหมื่นปี พระศาสดาพระนามว่ากัสสปะ ผู้ปกครอง
มนุษย์เป็นอันมาก ก็อุบัติขึ้นในโลก. พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลาย แล้ว
บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้ว ก็ถือปฏิสนธิในครรภ์ของพราหมณี
ชื่อว่าธนวดี ผู้มีคุณไพบูลย์ ของพราหมณ์ชื่อว่าพรหมทัตตะ กรุงพาราณสี
ถ้วนกำหนดทศมาส ก็ตลอดออกจากครรภ์ชนนี ณ อิสิปตนะมิคทายวัน แต่ญาติ
ทรงหลายตั้งพระนามของพระองค์โดยโคตรว่า กัสสปกุมาร พระองค์ครอง
ฆราวาสวิสัยอยู่สองพันปี. มีปราสาท 3 หลังชื่อว่าหังสวา ยสวา และสิรินันทะ
ปรากฏมีนางบำเรอสี่หมื่นเเปดพันนาง มีนางสุนันทาพราหมณี เกิดแล้ว
เมื่อบุตรชื่อ วิชิตเสนะ ของ นางสุนันทาพราหมณี เกิดแล้ว
พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 เกิดความสังเวชสลดใจ เมื่อระหว่างที่พระองค์ทรง
ดำริเท่านั้น ปราสาทก็หมุนเหมือนจักรแห่งแป้นทำภาชนะดิน ลอยขึ้นสู่ท้อง
นภากาศ อันคนหลายร้อยแวดล้อมแล้ว ดุจดวงรัชนีกรในฤดูสารท ที่เป็น
กลุ่มทำความงามอย่างยิ่งอันหมู่ดาวแวดล้อมแล้ว ลอยไปประหนึ่งประดับท้อง
นภากาศ ประหนึ่งประกาศบุญญานุภาพ ประหนึ่งดึงดูดดวงตาดวงใจของชน
ประหนึ่งทำยอดไม้ทั้งหลายให้งามยิ่ง เอาต้นโพธิ์พฤกษ์ชื่อนิโครธต้นไทรไว้
ตรงกลางแล้วลงตั้งเหนือพื้นดิน ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ผู้เป็นมหาสัตว์ทรงยืน
ที่แผ่นดิน ทรงถือเอาผ้าธงชัยแห่งพระอรหัตที่เทวดาถวาย ทรงผนวชแล้ว