เมนู

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุณฺฑรีโก ได้แก่ ต้นมะม่วง. บทว่า
ตีณิ โยชนโส ปภา ความว่า พระรัศมีทั้งหลายแล่นไป 3 โยชน์. บทว่า
ธมฺมเมฆํ ได้แก่ ฝนคือธรรม. เมฆคือพระพุทธเจ้า ผู้ยังฝนคือธรรมให้
ตกลงมา. บทว่า เตมยิตฺวา ให้ชุ่ม อธิบายว่า รด ด้วยน้ำคือธรรมกถา.
บทว่า เทวเก ได้แก่ ยังสัตว์โลกทั้งเทวโลก. บทว่า เขมนฺตํ ได้แก่
ถิ่นอันเกษม คือพระนิพพาน. บทว่า อนุพฺยญฺชนสมฺปนฺนํ ความว่า พระ
สรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้า ประดับด้วยพระมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ
พรั่งพร้อมด้วยพระอนุพยัญชนะ 80 มีพระนขาแดง พระนาสิกโด่ง และ
พระอังคุลีกลมเป็นต้น. ได้ยินว่า พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธ-
ปรินิพพาน ณ พระวิหารอัสสาราม สีลวตีนคร.
สิขีว โลเก ตปสา ชลิตฺวา
สิขีว เมฆาคมเน นทิตฺวา
สิขีว มเหสินฺธนวิปฺปหีโน
สิขีว สนฺตึ สุคโต คโต โส.

พระสิขีพุทธเจ้า ทรงรุ่งโรจน์ในโลกเหมือนดวง
ไฟ ทรงบันลือในนภากาศเหมือนนกยูง.
พระสิขีพุทธเจ้าทรงละพระมเหสี และทรัพย์
สมบัติ พระองค์ถึงความสงบ เสด็จไปดีแล้วเหมือนไฟ.
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าสิขี มีพระบรมสารีริกธาตุ เป็นแท่ง
เดียว จึงไม่กระจัดกระจายไป. แต่มนุษย์ชาวชมพูทวีป ช่วยกันสร้างพระสถูป
สำเร็จด้วยรัตนะ 7 งามเสมือนภูเขาหิมะ สูง 3 โยชน์. คำที่เหลือในคาถา
ทั้งหลายทุกแห่ง ชัดแล้วทั้งนั้นแล.
จบพรรณนาวงศ์พระสิขีพุทธเจ้า