เมนู

17. วงศ์พระติสสพุทธเจ้าที่ 17



ว่าด้วยพระประวัติของพระติสสพุทธเจ้า



[18] ต่อจากสมัยของพระสิทธัตถพุทธเจ้า พระ-
ติสสพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ไม่มีผู้เทียบ มีศีล ไม่มีที่
สุด มีพระบริวารยศหาประมาณมิได้ เป็นพระผู้นำ
เลิศแห่งโลก.
พระมหาวีระผู้มีจักษุ ทรงกำจัดอนธการคือความ
มืด ทรงยังโลกพร้อมทั้งเทวโลกให้สว่างแล้ว ทรงมี
พระกรุณา ทรงอุบัติแล้วในโลก.
พระติสสพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้น ทรงมีพระวร-
ฤทธิ์ไม่มีใครเทียบได้ มีศีลและสมาธิที่ไม่มีอะไรเทียบ
ทรงถึงฝั่งในธรรมทั้งปวง ประกาศพระธรรมจักร.
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงประกาศพระวาจา
อันสะอาดในหมื่นโลกธาตุ สัตว์ร้อยโกฏิตรัสรู้ ในการ
แสดงครั้งที่ 1.
อภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์เก้าสิบโกฏิ ใน
อภิสมัยครั้งที่ 3 สัตว์หกสิบโกฏิตรัสรู้ ในครั้งนั้น
พระติสสพุทธเจ้าทรงเปลื้องสัตว์ คือ มนุษย์และเทวดา
จากเครื่องผูก [สังโยชน์].

พระติสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
สันนิบาต ประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน
มีจิตสงบ คงที่ 3 ครั้ง.
การประชุมพระสาวกขีณาสพแสนหนึ่ง เป็น
สันนิบาตครั้งที่ 1 การประชุมพระสาวกขีณาสพเก้า
ล้าน เป็นสันนิบาต ครั้งที่ 2.
การประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน ผู้
บานแล้วด้วยวิมุตติ แปดล้าน เป็นสันนิบาต ครั้ง
ที่ 3.
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์ พระนามว่า สุชาตะ
สละโภคสมบัติยิ่งใหญ่ บวชเป็นฤษี.
เมื่อเราบวชแล้ว พระผู้นำโลก ก็อุบัติ เพราะ
ดับเสียงว่า พุทโธ เราจึงเกิดปีติ.
เราใช้มือทั้งสองประคองดอกไม้ทิพย์ คือดอก
มณฑารพ ดอกปทุม ดอกปาริฉัตตกะ สะบัดผ้าคากรอง
เข้าไปเฝ้า.
เราถือดอกไม้ทิพย์นั้น กั้นพระติสสชินพุทธเจ้า
ผู้นำเลิศแห่งโลก อันวรรณะ 4 เหล่า แวดล้อมแล้ว
ไว้เหนือพระเศียร.
ครั้งนั้น พระติสสพุทธเจ้าแม่พระองค์นั้น ประ-
ทับท่ามกลางชน ทรงพยากรณ์เราว่า เก้าสิบสอง
กัปนับแต่กัปนี้ ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า.

พระตถาคตออกอภิเนษกรมณ์ จากกรุงกบิลพัสดุ์
อันน่ารื่นรมย์ ตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคต ประทับ ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
ทรงรับข้าวมธุปายาส ณ ที่นั้นแล้วเสด็จเข้าไปยัง
แม่น้ำเนรัญชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริม
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขาจัด
แต่งไว้ ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศใหญ่ ทรงทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์
ชื่ออัสสัตถะ.
ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนีพระนามว่า พระนาง
มายา พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ท่าน
ผู้นี้จักมีพระนามว่า โคตมะ.
จักมีพระอัครสาวก ชื่อว่าพระโกลิตะ และพระ-
อุปติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระอานันทะ จักบำรุง
พระชินเจ้าพระองค์นี้.
จักมีพระอัครสาวิกา ชื่อว่าพระเขมา และพระ
อุบลวรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกต้นอัสสัตถะ.

อัครอุปัฏฐาก ชื่อจิตตะ และหัตถกะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อนันทมาตา และอุตตรา พระโค-
ดมผู้มีพระยศ พระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนี้ ของ
พระติสสพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุ ทั้งเทวโลก พากันโห่ร้อง ปรบ
มือ หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการกล่าวว่า
ผิว่า พวกเราพลาดพระศาสนาของพระโลกนาถ
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำข้าง
หน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลังข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราจักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งเลื่อมใส
จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี 10
ให้บริบูรณ์.
พระติสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีพระนคร
ชื่อว่าเขมกะ พระชนกพระนามว่า พระเจ้าชนสันธะ
พระชนนี พระนามว่า ปทุมา.

พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่แสนปี ทรงมี
ปราสาทชั้นเยี่ยม 3 หลัง ชื่อว่าคุณเสลา อนาทิยะ และ
นิสภะมีพระสนมนารี ที่แต่งกายงามสามหมื่นนาง พระ
อัครมเหสีพระนามว่า พระนางสุภัททา พระโอรส
พระนามว่า อานันทะ.
พระชินพุทธเจ้า ทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออก
อภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือม้า ทรงตั้งความเพียร ครึ่ง
เดือนเต็ม.
พระมหาวีระติสสพุทธเจ้า ผู้นำเลิศแห่งโลกอัน
ท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรม-
จักร ณ ยสวดีทายวัน อันสูงสุด.
พระติสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระอัครสาวก ชื่อว่าพระพรหมเทวะ และ พระอุทยะ
พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระสมังคะ.
พระอัครสาวิกาชื่อว่าพระผุสสา และ พระสุทัตตา
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียก
ว่าอัสนะ ต้นประดู่.
อัครอุปัฐฏาก ชื่อว่า สัมพละ และสิริ อัครอุปัฏ-
ฐายิกา ชื่อว่ากีสาโคตมี และอุปเสนา.
พระชินพุทธเจ้าพระองค์นั้น สูง 60 ศอก พระ
ผู้ไม่มีผู้เปรียบ ไม่มีผู้เสมือน ปรากฏเด่นเหมือนภูเขา
หิมวันต์.

พระผู้มีจักษุ ทรงดำรงอยู่ในโลกแสนปี แม้
พระองค์ผู้มีพระเดชไม่มีผู้เทียบ ก็มีพระชนมายุเท่า
นั้น.
พระองค์ทั้งพระสาวก เสวยพระยศอันยิ่งใหญ่
ที่อุดม เลิศ ประเสริฐสุด รุ่งโรจน์แล้วก็ดับขันธ-
ปรินิพพาน เหมือนกองไฟที่ดับไปฉะนั้น.
พระองค์ทั้งพระสาวก ก็ปรินิพพานไปเหมือน
พลาหกหายไปเพราะลม เหมือนน้ำค้างหายไปเพราะ
ดวงอาทิตย์ เหมือนความมืดหายไปเพราะดวงประทีป
ฉะนั้น.
พระติสสชินวรพุทธเจ้า ปรินิพพาน ณ พระวิหาร
นันทาราม พระชินสถูปของพระองค์ ณ ที่นั้นสูง 3
โยชน์.

จบวงศ์พระติสสพุทธเจ้าที่ 17

พรรณนาวงศ์พระติสสพุทธเจ้าที่ 17



ต่อมาภายหลังจากสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า สิทธัตถะ พระองค์นั้น
ก็ว่างพระพุทธเจ้าไปกัปหนึ่ง ที่สุดเก้าสิบสองกัปนับแต่กัปนี้ ก็บังเกิดพระพุทธ-
เจ้า 2 พระองค์ในกัปหนึ่ง คือ พระติสสะ และ พระปุสสะ บรรดาพระ
พุทธเจ้าทั้ง 2 พระองค์นั้น พระมหาบุรุษพระนามว่า ติสสะ ทรงบำเพ็ญ
บารมีทั้งหลายบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้ว ทรงถือปฏิสนธิใน
พระครรภ์ของ พระนางปทุมาเทวี ผู้มีพระเนตรงามดังกลีบปทุม
อัครมเหสีของ พระเจ้าชนสันธะ กรุงเขมกะ ถ้วนกำหนดทศมาส ก็
ประสูติจากพระครรภ์พระชนนี ณ อโนมราชอุทยาน. ทรงครองฆราวาสวิสัย
อยู่เจ็ดพันปี พระองค์มีปราสาท 3 หลัง ชื่อว่า คุหาเสละ นาริสยะ และ นิสภะ
มีพระสนมนารีสามหมื่นสามพันนาง มี พระนางสุภัททาเทวี เป็นประมุข.
เมื่อ อานันทกุมาร พระโอรสของพระนางสุภัททาเทวีสมภพ พระ-
มหาบุรุษทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จขึ้นทรงม้าต้น ตัวเยี่ยม ชื่อว่า โสนุตตระ
ออกมหาภิเนษกรมณ์ ทรงผนวช มนุษย์โกฏิหนึ่งก็บวชตามเสด็จ พระองค์
อันภิกษุเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียร 8 เดือน ในวันวิสาขบูรณมี
เสวยข้าวมธุปายาสที่ธิดา วีรเศรษฐี ณ วีรนิคม ถวายแล้ว ทรงยับยั้ง
พักกลางวัน ณ สลลวัน ป่าต้นช้างน้าว (อ้อยช้างก็ว่า) เวลาเย็นทรงรับ
หญ้า 8 กำ ที่คนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อ วิชิตสังคามกะ ถวายแล้ว เสด็จเข้าไป
ยังโพธิพฤกษ์ชื่อ อสนะ คือต้นประดู่ ทรงลาดสันถัตหญ้า กว้าง 40 ศอก
ประทับนั่งขัดสมาธิเหนือบัลลังก์หญ้านั้น ทรงกำจัดกองกำลังมารพร้อม
ด้วยตัวมาร บรรลุสัพพัญญุตญาณ ทรงเปล่งพระอุทานว่า อเนกชาติสํสารํ