เมนู

พระศรัทธา ทรงผนวชแล้วบรรลุพระอรหัตทั้งหมด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
ยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงท่ามกลางพระขีณาสพร้อยโกฏินั้น นั้นเป็นสันนิบาตครั้ง
ที่ 1. ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงท่านกลางบรรพชิตเก้าสิบโกฏิ ในสมาคม
พระญาติ กรุงเวภาระ นั้นเป็นสันนิบาตครั้งที่ 2. ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง
ท่ามกลางบรรพชิตแปดสิบโกฏิ ที่ประชุมกัน ณ พระสุทัสสนวิหาร นั้น เป็น
สันนิบาตครั้งที่ 3. ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
พระสิทธัตถพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
สันนิบาต ประชุมสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน มีจิต
สงบ คงที่ 3 ครั้ง.
สถาน 3 เหล่านี้ คือ สันนิบาตพระสาวกร้อยโกฏิ
เก้าสิบโกฏิ แปดสิบโกฏิ เป็นสันนิบาตของพระสาวก
ขีณาสพผู้ไร้มลทิน.


แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นวุตีนํ อสีติยาปิ จ โกฏินํ ความว่า
มีสันนิบาตแห่งพระสาวกเก้าสิบโกฏิ และแปดสิบโกฏิ. บทว่า เอเต อาสุํ
ตโย ฐานา
ความว่า มีสถานที่สันนิบาต 3 เหล่านั้น. ปาฐะว่า ฐานา-
เนตานิ ตีณิ อเหสุํ
ดังนี้ก็มี.
สมัยนั้น พระโพธิสัตว์ของเรา เป็นพราหมณ์ชื่อว่ามังคละ กรุงสุรเสน
จบไตรเพทและเวทางคศาสตร์ บริจาคกองทรัพย์นับได้หลายโกฏิ เป็นผู้ยินดี
ในวิเวก บวชเป็นดาบส ยังฌานและอภิญญาให้เกิดอยู่ ทราบข่าวว่าพระพุทธ-
เจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ อุบัติขึ้นแล้วในโลกจึงเข้าไปเฝ้า ถวายบังคมแล้วฟัง
ธรรมกถาของพระองค์ แล้วเข้าไปยังต้นชมพู อันเป็นเครื่องหมายของชมพูทวีป
นี้ด้วยฤทธิ์ นำผลชมพูมาแล้วอาราธนาพระสิทธัตถศาสดาผู้มีภิกษุบริวารเก้าสิบ

โกฏิ ให้ประทับในสุรเสนวิหาร เลี้ยงดูด้วยผลชมพู ให้ทรงอิ่มหนำสำราญ
ลำดับนั้น พระศาสดาเสวยผลชมพูนั้นแล้ว ทรงพยากรณ์ว่า ในที่สุดเก้าสิบสี่กัป
นับแต่กัปนี้ จักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคตมะ. ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
สมัยนั้น เราเป็นดาบสชื่อมังคละ มีเดชสูง อัน
ใครๆ เข้าพบได้ยาก ตั้งมั่นด้วยกำลังแห่งอภิญญา.
เรานำผลชมพูมาจากต้นชมพู ได้ถวายแด่พระ-
สิทธัตถพุทธเจ้า พระสัมพุทธเจ้าทรงรับแล้ว ตรัส
พระดำรัสดังนี้ว่า
ท่านทั้งหลายจงดูชฎิลดาบสผู้มีตบะสูงผู้นี้ เก้า
สิบสีกัปนับแต่กัปนี้ ดาบสผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า
พระตถาคตทรงตั้งความเพียร ฯ ล ฯ จักอยู่ต่อ
หน้าของท่านผู้นี้.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งเลื่อมใส
จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี 10
ให้บริบูรณ์.


แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทุปฺปสโห แปลว่า อันใครๆ เข้าหา
ได้ยาก หรือปาฐะก็อย่างนั้นเหมือนกัน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระนครชื่อ เวภาระ พระชนก
พระนามว่า พระเจ้าอุเทน พระนามว่า พระเจ้าชัยเสน บ้างก็มี พระชนนี้
พระนามว่า สุผัสสา คู่พระอัครสาวก ชื่อว่า พระสัมพละ และพระสุมิตตะ
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่า พระเรวตะ คู่พระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระสีวลา และ