เมนู

16. วงศ์พระสิทธัตถพุทธเจ้าที่ 16



ว่าด้วยพระประวัติของพระสิทธัตถพุทธเจ้า



[17] ต่อจาก สมัยของพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ผู้นำโลก ทรง
กำจัดความมืดทั้งปวง ก็เจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์อุทัย.
พระพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้น ทรงบรรลุพระ-
สัมโพธิญาณแล้ว เมื่อทรงยังโลกทั้งเทวโลกให้ข้าม
โอฆะ เมื่อยังโลกทั้งเทวโลกให้ดับร้อน ก็ทรงหลั่ง
เมฆฝนคือธรรมให้ตกลงมา.
พระพุทธเจ้า ผู้มีพระเดชหาผู้เทียบไม่ได้พระ-
องค์นั้น ก็ทรงมีอภิสมัย 3 ครั้ง อภิสมัยครั้งที่ 1 ได้
มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
ต่อมาอีก ครั้งทรงลั่นธรรมเภรี ณ นครภีมรถะ
อภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์เก้าสิบโกฏิ.
ครั้งพระพุทธเจ้า ผู้สูงสุดในนรชนพระองค์นั้น
ทรงแสดงธรรมโปรด ณ กรุงเวภาระ อภิสมัยครั้งที่ 3
ได้มีแก่สัตว์เก้าสิบโกฏิ.
พระสิทธัตถพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ทรงมี
สันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน มีจิต
สงบ คงที่ 3 ครั้ง.
สถาน 3 เหล่านี้คือ สันนิบาตประชุมพระสาวก

ร้อยโกฏิ เก้าสิบโกฏิ และแปดสิบโกฏิเป็นสันนิบาต-
ประชุมพระสาวก ผู้ไร้มลทิน.
สมัยนั้น เราเป็นดาบสชื่อมังคละ มีเดชสูง อัน
ใคร ๆ พบได้ยาก ตั้งมั่นด้วยกำลังแห่งอภิญญา.
เรานำผลชมพูมาจากต้นชมพู ถวายแด่พระ-
สิทธัตถพุทธเจ้า พระสัมพุทธเจ้าทรงรับแล้ว ตรัส
พระดำรัสดังนี้ว่า
ท่านทั้งหลาย จงดูชฏิลดาบสผู้มีตบะสูงผู้นี้ เก้า
สิบสี่กัปนับแต่กัปนี้ ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า.
พระตถาคตออกอภิเนษกรมณ์จากกรุงกบิลพัสดุ์
อันน่ารื่นรมย์ ตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคตประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
ทรงรับข้าวมธุปายาส ณ ที่นั้นแล้ว เสด็จไปยังแม่น้ำ
เนรัญชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริม
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินไปตามทางอันดีที่เขา
จัดแต่งไว้ ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ ทรงทำประทัก-
ษิณโพธิมัณฑสถาน จักตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์ชื่อต้น
อัสสัตถะ.
ท่านผู้นี้ จักมีพระชนนี พระนามว่า พระนาง
มายา พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ท่าน
ผู้นี้จักมีพระนามว่า โคตมะ.

พระอัครสาวกชื่อว่า พระโกลิตะ และพระอุปติส-
สะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่น
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่า พระอานันทะ จักบำรุง พระ-
ชินเจ้าพระองค์นี้.
พระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระเขมา และ พระอุบล
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้ง
มั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียนต้นอัสสัตถะ.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่าจิตตะ และหัตถกะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่านันทมาตา และอุตตรา พระ
โคดมผู้มีพระยศพระองค์นั้น พระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์ และ เทวดาทั้งหลายพึงพระดำรัสนี้ ของ
พระสิทธัตถพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ก็ปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุทั้งเทวโลก พากันโห่ร้อง ปรบมือ
หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการกล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดพระศาสนาของพระโลก-
นาถ พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จัก
อยู่ต่อหน้าของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำข้าง
หน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลัง ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.

พวกเราทุกคน ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นิไซร้ ในอนาคตกาลพวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้ฉันนั้นเหมือนกัน .
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งเลื่อมใส
จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี 10
ให้บริบูรณ์.
พระสิทธัตถพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีพระ-
นครชื่อว่าเวภาระ พระชนก พระนามว่า พระเจ้าอุเทน
พระชนนีพระนามว่า พระนางสุผัสสา.
พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่หมื่นปี มี
ปราสาทอย่างเยี่ยม 3 หลัง ชื่อว่า โกกาสะ อุปปละ
และ โกกนุทะ มีพระสนมนารีสี่หมื่นแปดพันนาง
พระอัครมเหสี พระนามว่า พระนางสุมนา พระโอรส
พระนามว่า อนุปมะ.
พระชินพุทธเจ้า ทรงเห็นนิมิต 4 เสด็จออก
อภิเนษกรมณ์ด้วยพระวอ ทรงบำเพ็ญเพียร 10 เดือน
เต็ม.
พระมหาวีรสิทธัตถะ ผู้นำโลก สูงสุดในนรชน
อันท้าวมหาพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศ
พระธรรมจักร ณ มิคทายวัน.
พระสิทธัตถพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระอัครสาวก ชื่อว่า พระสัมพละ และ พระสุมิตตะ
พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า พระเรวตะ.

ทรงมีพระอัครสาวิกาชื่อว่าพระสีวลา และพระ-
สุรัมมา โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์
นั้น เรียกต้นกณิการ์.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่า สุปปิยะและสัมพุทธะ อัคร-
อุปัฏฐายิกาชื่อว่า ธัมมา และสุธัมมา.
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น สูงขึ้นเบื้องบน 60
ศอก เสมือนรูปปฏิมาทอง รุ่งโรจน์ในหมื่นโลกธาตุ.
พระพุทธเจ้า ผู้เสมอด้วยพระพุทธเจ้า ผู้ไม่มี
ผู้เสมอ ไม่มีผู้ชั่ง ไม่มีผู้เทียบ ผู้มีพระจักษุ พระองค์
นั้น ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลก แสนปี.
พระองค์ทั้งพระสาวก ทรงแสดงพระรัศมีอัน
ไพบูลย์ ทรงยังสาวกทั้งหลายให้บานแล้ว ทรงพิลาส
ด้วยสมบัติอันประเสริฐ ปรินิพพาน.
พระสิทธัตถพุทธเจ้า วรมุนี ปรินิพพาน ณ พระ-
วิหารอโนมาราม พระวรสถูปของพระองค์ในพระ-
วิหารนั้น สูง 4 โยชน์.
จบวงศ์พระสิทธัตถพุทธเจ้าที่ 6

พรรณนาวงศ์พระสิทธัตถพุทธเจ้าที่ 16



เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าธัมมทัสสีปรินิพพานแล้ว ศาสนาของพระองค์
ก็อันตรธานไปแล้ว เมื่อกัปนั้นล่วงไปและล่วงไปหนึ่งพันเจ็ดร้อยหกกัป ใน
กัปหนึ่ง สุดท้ายเก้าสิบสี่กัปนับแต่กัปนี้ ก็ปรากฏมีพระศาสดาพระองค์หนึ่ง
พระนามว่า สิทธัตถะ ผู้บรรลุประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่โลก.
ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
ต่อจากสมัยของพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า พระพุทธ-
เจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ผู้นำโลก ทรงกำจัดความ
มืดทั้งหมด เจิดจ้า เหมือนดวงอาทิตย์อุทัย แม้พระ-
สิทธัตถโพธิสัตว์ ก็ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลาย.

บังเกิดในภพดุสิต จุติจากนั้นแล้ว ก็ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนาง
สุผัสสาเทวี อัครมเหสีของพระเจ้าอุเทน กรุงเวภาระ ถ้วนกำหนดทศมาส ก็
ประสูติจากพระครรภ์ของพระชนนี ณ วีริยราชอุทยาน เมื่อพระมหาบุรุษสมภพ
แล้ว การงานที่คนทั้งปวงเริ่มไว้ และประโยชน์ที่ปรารถนา ก็สำเร็จ เพราะ
ฉะนั้น พระประยูรญาติทั้งหลายของพระองค์จึงเฉลิมพระนามว่า สิทธัตถะ
พระองค์ครองฆราวาสวิสัยอยู่หมื่นปี ทรงมีปราสาท 3 หลัง ชื่อว่า โกกาสะ
อุปปละและปทุมะ1 ปรากฏมีสนมนารีแปดหมื่นสี่พันนาง มีพระนางโสมนัส-
สาเทวี
เป็นประมุข.
เมื่อ พระอนุปมกุมาร โอรสของพระนางโสมนัสสาเทวีสมภพแล้ว
พระองค์ก็ทรงเห็นนิมิต 4 ในวันอาสาหฬบูรณมี ก็ออกอภิเนษกรมณ์ด้วย
พระวอทอง เสด็จไปยังวีริยราชอุทยาน ทรงผนวช มนุษย์แสนโกฏิก็บวชตาม

1. บาลีว่า โกกนุทะ